คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3273/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แร่ดีบุกของกลางไม่ปรากฏจำนวนตามบัญชีสต๊อก ไม่มีหลักฐานการซื้อมาในบัญชีซื้อแร่ ไม่มีเอกสารที่ผู้ขายมอบให้เพื่อแสดงว่าเป็นแร่ที่ผู้ขายมีอำนาจขายได้ตามที่กฎหมายบังคับ การซื้อแร่ของจำเลยเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 98 พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2516 มาตรา 28 จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 147
จำเลยมีแร่ไว้ครอบครองเกินสองกิโลกรัม จึงเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 105 พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2516 มาตรา 31 อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 148 ด้วย
การที่จำเลยซื้อแร่โดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแร่ ย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยมีแร่ไว้ในครอบครองตามใบอนุญาตซื้อแร่และไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 31 (6)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นตัวแทนของบริษัทสินแร่ภูเก็ต จำกัด ผู้รับใบอนุญาตซื้อแร่ตามใบอนุญาตที่ ๒/๒๕๒๐ (ตรัง) โดยหนังสือมอบอำนาจสำนักงานทรัพยากรธรณีจังหวัดตรัง ที่ ๓/๒๕๑๙ ให้จำเลยมีอำนาจซื้อแร่ ขายแร่ ได้กระทำผิดกฎหมายหลายบทต่างกรรมกัน กล่าวคือ ระหว่างวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๒๐ ถึงวันที่ ๘ เดือนเดียวกันเวลากลางวันและกลางคืน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยซื้อแร่ดีบุกจำนวนรวมกัน ๓๒๐ กิโลกรัม คิดเป็นเงิน ๒๘,๐๐๐ บาท จากผู้ขายแร่ โดยผู้ขายไม่ได้มอบเอกสารให้แก่จำเลยเพื่อแสดงว่าแร่ที่ขายนั้นเป็นแร่ที่ได้มาโดยประทานบัตรชนิดใด หรือเพื่อแสดงว่าแร่ที่ขายเป็นแร่ของผู้ขายที่เป็นผู้รับใบอนุญาตซื้อแร่ซึ่งได้มาโดยใบอนุญาตเลขที่เท่าใด ทั้งไม่มีลายมือชื่อของผู้ถือประทานบัตรชนิดนั้นๆ หรือของผู้รับใบอนุญาตซื้อแร่ หรือของตัวแทนซึ่งได้จดทะเบียนไว้กับรับซื้อแร่ดีบุกจากผู้ขายไม่ได้แสดงใบอนุญาตร่อนแร่ เพื่อแสดงได้ว่าแร่ที่ขายเป็นแร่ที่ได้มาเกินปริมาณตามใบอนุญาตร่อนแร่ และ จำเลยยังได้ซื้อแร่ดีบุกบางส่วนหรือทั้งหมดจากผู้ทำเหมืองที่ขายโดยไม่มีใบสุทธิแร่ หรือไม่ตรงตามจำนวนใบในสุทธิแร่ แล้วจำเลยไม่ได้บันทึกรายการซื้อแร่กับไม่ได้ลงลายมือชื่อกำกับในใบสุทธิแร่ และเมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๒๐ เวลากลางวัน จำเลยมีแร่ดีบุกจำนวน ๓๒๐ กิโลกรัม +เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ในครอบครองโดยจำเลยไม่มีเหตุหรือข้อยกเว้นโดยชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ มาตรา ๙๘,๑๐๕,๑๔๗,๑๔๘,๑๕๔,๑๕๕ ฯลฯ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ มาตรา ๙๘,๑๐๕,๑๔๗,๑๔๘,๑๕๔,๑๕๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๑๖ มาตรา ๒๘,๓๑,๓๙,๔๐ และพระราชบัญญัติควบคุมแร่ ดีบุก พ.ศ. ๒๕๑๔ มาตรา ๑๙,๓๐ ความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ มาตรา ๙๘ และตามพระราชบัญญัติควบคุมแร่ดีบุก พ.ศ. ๒๕๑๔ มาตรา ๑๙ เป็นกรรมเดียวแต่ผิดต่อกฎหมายหลายบทกำหนดโทษเท่ากัน ลงโทษตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ มาตรา ๑๔๗ ปรับ ๑,๐๐๐ บาทกระทงหนึ่ง และลงโทษตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ มาตรา ๑๐๕,๑๔๘ อีกกระทงหนึ่งปรับ ๒,๐๐๐ บาท รวมปรับ ๓,๐๐๐ บาท ของกลางริบ จ่ายเงินสินบนแก่ผู้นำจับและเงินรางวัลแก่ผู้จับร้อยละห้าสิบของจำนวนเงินสุทธิค่าของกลางที่สั่งริบ หากของกลางไม่อาจจำหน่ายได้ให้หักจ่ายจากเงินค่าปรับร้อยละห้าสิบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยมีแร่ดีบุกของกลางน้ำหนักประมาณ ๓๒๐ กิโลกรัม อีกจำนวนหนึ่ง นอกเหนือจากแร่ดีบุกจำนวนที่จำเลยซื้อมาโดยถูกต้อง และวินิจฉัยว่า แร่ดีบุกของกลางไม่ปรากฏจำนวนตามบัญชีสต๊อก ไม่มีหลักฐานการซื้อมาในบัญชีซื้อแร่ ไม่มีเอกสารที่ผู้ขายมอบให้เพื่อแสดงว่าเป็นแร่ที่ผู้ขายมีอำนาจขายได้ตามที่กฎหมายบังคับการซื้อแร่ของจำเลยเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.๒๕๑๐ มาตรา ๙๘ พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๑๖ มาตรา ๒๘ จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ มาตรา ๑๔๗ และโดยที่จำเลยมีแร่ไว้ในครอบครองเกินสองกิโลกรัม จึงเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ มาตรา ๑๐๕ พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๑๖ มาตรา ๓๑ อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ มาตรา ๑๔๘ ด้วย ส่วนที่โจทก์ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติควบคุมแร่ดีบุก พ.ศ. ๒๕๑๔ มาตรา ๑๙,๓๐ นั้น ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏชัดว่าผู้ขายแร่เป็นผู้ทำเหมืองจะปรับเป็นความผิดฐานนี้ยังไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานนี้ไม่ถูกต้อง
ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยมีใบอนุญาตซื้อแร่และแร่ของกลางอยู่ในสถานที่ซื้อแร่ จึงเข้าข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ มาตรา ๑๐๕ (๒) จำเลยไม่ควรมีความผิด ตามมาตรา ๑๔๘ นั้น เห็นว่าตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ มาตรา ๑๐๕ (๖) พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๑๖ มาตรา ๓๑ บัญญัติว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดมีแร่ไว้ในครอบครองแต่ละชนิดเกินสองกิโลกรัม เว้นแต่ฯลฯ (๖) ในสถานที่ซื้อแร่ตามใบอนุญาตซื้อแร่” การที่จำเลยซื้อแร่โดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแร่ ย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยมีแร่ไว้ในครอบครองตามใบอนุญาตซื้อแร่ กรณีของจำเลยหาต้องด้วยข้อยกเว้นไม่
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกข้อหาความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมแร่ดีบุก พ.ศ. ๒๕๑๔ มาตรา ๑๙,๓๐ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share