คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1994/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ที่ดินและบ้านที่พิพาทกันในคดีก่อนจะเป็นทรัพย์ที่พิพาทกันในคดีนี้—— ซึ่งโจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาขายฝากและขอให้ศาลพิพากษาว่าคำพิพากษาตามยอมในคดีก่อนเป็นโมฆะ ไม่มีผลบังคับแก่โจทก์ก็ตาม การที่จำเลยขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีแก่โจทก์ในคดีก่อน ย่อมเป็นการบังคับให้โจทก์ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมในคดีนั้น โจทก์จะมายื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งงดการบังคับคดีในคดีนี้หาได้ไม่ และคำขอของโจทก์ในกรณีเช่นนี้มิใช่เป็นเรื่องการขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างการพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินมีโฉนดหนึ่งแปลงพร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้างเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์ทั้งสอง ได้จำนองไว้กับธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ต่อมาโจทก์ที่ ๑ ได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ ๒ ไถ่ถอนจำนองจากธนาคาร จำเลยทั้งสองและบุคคลอื่นได้สมคบกันปลอมในมอบอำนาจทำนิติกรรมขายฝากแก่จำเลยที่ ๑ และหลุดเป็นสิทธิแก่จำเลยที่ ๑ แล้ว ต่อมาจำเลยที่ ๑ ฟ้องขับไล่โจทก์ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๔๕๗๓/๒๕๒๐ ของศาลแพ่ง จำเลยที่ ๒ ได้จัดการให้บุคคลไม่ทราบชื่อลงชื่อแทนโจทก์ที่ ๑ แต่งทนายต่อสู้คดีและทำสัญญาประนีประนอมต่อศาล โดยโจทก์ทั้งสองมิได้รู้เห็นยินยอม ขอให้พิพากษาว่า สัญญาขายฝากตกเป็นโมฆะและโมฆียะ เพิกถอนสัญญาและการจดทะเบียนที่ดิน ให้ศาลสั่งระงับการบังคับขับไล่และออกหมายจับโจทก์ทั้งสอง และพิพากษาว่ากระบวนพิจารณา สัญญาประนีประนอมยอมความ และคำพิพากษาตามยอม รวมทั้งการบังคับคดีในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๔๕๗๓/๒๕๒๐ เป็นโมฆะ จำเลยที่ ๑ ให้การว่า ไม่เคยสมคบกับจำเลยที่ ๒ ปลอมใบมอบอำนาจ จำเลยที่ ๑ รับซื้อฝากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไว้โดยชอบ โดยสุจริตและได้จดทะเบียนโดยสมบูรณ์แล้วในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๔๕๗๓/๒๕๒๐ โจทก์ที่ ๑ และจำเลยที่ ๑ ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลได้พิพากษาตามยอมแล้ว ย่อมผูกพันคู่ความ ขอให้ยกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างการพิจารณาว่า โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งจำเลยที่ ๒ ได้ปลอมเอกสารขายฝากหลุดเป็นสิทธิแก่จำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ ได้ฟ้องขับไล่โจทก์ คดีอยู่ระหว่างการบังคับคดีตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๔๕๗๓/๒๕๒๐ ถ้าโจทก์ถูกบังคับให้ออกไปจากที่ดินและบ้านพิพาทก็จะได้รับความเสียหาย ขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งงดการบังคับคดีในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๔๕๗๓/๒๕๒๐ ไว้ชั่วคราวจนกว่าคดีนี้จะถึงที่สุด
ศาลชั้นต้นสั่งให้ยกคำร้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาที่ว่า โจทก์จะมีสิทธิร้องขอให้ศาลสั่งงดการบังคับคดีในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๔๕๗๓/๒๕๒๐ ของศาลแพ่งไว้ชั่วคราวจนกว่าคดีนี้จะถึงที่สุด โดยยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างการพิจารณาในคดีนี้ได้หรือไม่ดังนี้ แม้ที่ดินและบ้านพิพาทในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๔๕๗๓/๒๕๒๐ จะเป็นทรัพย์ที่พิพาทกันในคดีนี้ โดยโจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาขายฝากทรัพย์พิพาท และขอให้ศาลพิพากษาว่าคำพิพากษาตามยอมในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๔๕๗๓/๒๕๒๐ เป็นโมฆะไม่มีผลบังคับแก่โจทก์ก็ตาม แต่ตามคำร้องของโจทก์ที่ขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างการพิจารณานั้น เป็นการร้องขอให้ศาลมีคำสั่งงดการบังคับคดีในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๔๕๗๓/๒๕๒๐ ที่บังคับให้โจทก์ออกไปจากที่ดินและบ้านพิพาทตามคำพิพากษาตามยอมจึงเป็นเรื่องขอให้ศาลงดการบังคับคดีในคดีอื่น ทั้งการที่จำเลยที่ ๑ ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีแก่โจทก์ในคดีดังกล่าว ก็เป็นการบังคับโจทก์ให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมในคดีนั้น โจทก์จะยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งงดการบังคับคดีในคดีนี้ซึ่งเป็นคนละคดีกันหาได้ไม่ เพราะคำขอของโจทก์ในกรณีเช่นนี้มิใช่เป็นเรื่องโจทก์ร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างการพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๖๔ หากโจทก์ประสงค์จะขอให้ศาลสั่งงดการบังคับคดีในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๔๕๗๓/๒๕๒๐ ตามเหตุที่อ้างมาในคำร้อง ก็ชอบที่โจทก์จะยื่นคำร้องขอในคดีนั้นตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๙๒, ๒๙๓ โจทก์ไม่มีสิทธิมาร้องขอให้ศาลสั่งงดการบังคับคดีในคดีนี้
พิพากษายืน.

Share