คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 682/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คนร้ายใช้ปืนของกลางยิงฆ่าคน แล้วนำมาฝาก ผ.ไว้ ผ.นำมามอบให้ตำรวจคำเบิกความของ ส. เจ้าของปืนว่าได้ขายปืนให้จำเลยแล้ว มีลักษณะเป็นคำซัดทอดเพื่อให้ตนเองพ้นผิด ซึ่งไม่มีน้ำหนักในการรับฟัง
จำเลยรับสารภาพชั้นสอบสวนเพราะหลงเชื่อคำหลอกลวงของ ส. ว่า ถ้ารับสารภาพแล้วจะได้ปืนคืน และ ส. จะไปจัดการโอนทะเบียนให้ด้วย เป็นคำรับสารภาพที่เกิดการจูงใจ มีคำมั่นสัญญาหลอกลวงโดยมิชอบ รับฟังเป็นพยานหลักฐานมาลงโทษจำเลยไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนสั้นมีทะเบียน ๑ กระบอก ซึ่งเป็นของบุคคลอื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ และคืนปืนแก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๗๒ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ ๔๔ ข้อ ๖ ลงโทษจำคุก ๑ ปี ปรับ ๒,๐๐๐๐ บาท ให้รอการลงโทษจำคุกไว้ภายใน ๒ ปี คืนปืนของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ปืนของกลางคืนเจ้าของ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ตำรวจยึดได้ปืนของกลางมาจากนายผล หาใช่ยึดมาจากความครอบครองของจำเลยไม่ การที่พันตำรวจตรีอำนาจจับจำเลยก็เพราะนายสมผู้ใหญ่บ้านให้การซัดทอดว่าได้ขายปืนกระบอกนั้นให้แก่จำเลยแล้ว ซึ่งถ้าหากนายสมไม่ซัดทอดเช่นนั้น นายผลเองอาจจะต้องหาฐานมอบปืนให้คนร้ายไปฆ่านานบุญธรรม คำเบิกความของนายสมจึงมีลักษณะเป็นคำซัดทอดเพื่อให้ตนเองพ้นผิด ซึ่งไม่มีน้ำหนักในการรับฟัง นอกจากคำซัดทอดของนายสมแล้วโจทก์ก็ไม่มีพยานอื่นใดที่พิสูจน์ว่าปืนนี้อยู่ในความครอบครองจำเลย คำรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนนั้นปรากฏว่าจำเลยได้ยอมเซ็นให้ไปโดยหลงเชื่อนายสมว่า ถ้าจำเลยยอมรับสารภาพแล้วจะได้ปืนคืน และนายสมจะไปจัดการเรื่องโอนทะเบียนที่อำเภอให้ด้วยจำเลยหลงเชื่อคำหลอกลวงของนายสมดังกล่าว จึงยอมรับสารภาพไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์จึงเป็นคำรับสารภาพที่เกิดจากการจูงใจ มีคำมั่นสัญญาหลอกลวงโดยมิชอบ จะรับฟังเป็นพยานหลักฐานมาลงโทษจำเลยไม่ได้
พิพากษายืน

Share