แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คนั้นเกิดขึ้นในวันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน เมื่อขณะที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินครั้งแรก โจทก์ไม่ได้เป็นผู้ทรงเช็ค โจทก์ก็ไม่เป็นผู้เสียหาย แม้ต่อมาโจทก์จะได้รับเช็คดังกล่าวมาแล้วนำไปเบิกเงินจากธนาคารและถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินอีก ไม่ว่าจำเลยจะตกลงให้โจทก์นำเช็คไปเรียกเก็บเงินอีกหรือไม่ก็ตาม ก็ไม่ทำให้การกระทำของจำเลยซึ่งเป็นความผิดแล้วกลับเป็นความผิดซ้ำขึ้นมาอีก โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ฯ  มาตรา ๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย  จึงไม่มีอำนาจฟ้อง  พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา  ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาคดีแล้ว  คดีนี้ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยออกเช็คหมาย จ. ๑ และ จ. ๓ ให้โจทก์  ต่อมานายเตียสิบเซ้งนำเช็คเอกสารหมาย จ. ๑  และนายบุ้นเอี่ยมนำเช็คเอกสารหมาย จ. ๓ ไปเข้าบัญชีของแต่ละคนที่ธนาคารกรุงเทพจำกัด  สาขาราชวงศ์  เมื่อวันที่  ๑๕  มกราคม  ๒๕๑๙  และวันที่  ๒๘  มกราคม  ๒๕๑๙  ตามลำดับ  เพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด  สาขาคลองสาน  ปฏิเสธไม่จ่ายเงินตามเช็คนั้น   โจทก์จึงรับเช็ค ๒ ฉบับนั้นคืน  แล้วนำไปเข้าบัญชีของโจทก์ที่ธนาคารไทยพัฒนา จำกัด  สาขาหัวลำโพง  อีกครั้งหนึ่งเมื่อวันที่  ๒๐  เมษายน  ๒๕๑๙  เพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็ค  ธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินอีก  ทั้งนายเตียลิบเซ้ง และนายบุ้นเอี่ยมเป็นผู้ทรงเช็คเอกสารหมาย จ. ๑ และ จ. ๓ โดยชอบ
ศาลฎีกาได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่า  ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คนั้น  เกิดขึ้นในวันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน  เมื่อขณะที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินครั้งแรก  นายเตียลิบเซ้ง  และนายบุ้นเอี่ยมเป็นผู้ทรงเช็คเอกสารหมาย จ. ๑ และ จ. ๓  โดยชอบ  นายเตียลิบเซ้งและนายบุ้นเอี่ยมจึงเป็นผู้เสียหายในความผิดที่จำเลยกระทำนั้น  โจทก์ซึ่งไม่ใช่ผู้ทรงเช็คในขณะนั้นจึงไม่ใช่ผู้เสียหาย  แม้ต่อมาโจทก์จะรับเช็คดังกล่าวนั้นกลับคืนมา  แล้วนำไปเบิกเงินจากธนาคารและถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินอีก  ไม่ว่าจำเลยจะตกลงให้โจทก์นำเช็คไปเรียกเก็บเงินอีกหรือไม่ก็ตาม  ก็ไม่ทำให้การกระทำของจำเลยซึ่งเกิดเป็นความผิดแล้วกลับเป็นความผิดซ้ำขึ้นมาอีก  โจทก์จึงไม่เป็นผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย
พิพากษายืน

