คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 427/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การกำหนดค่าทดแทนแก่เจ้าของที่ดินที่ถูกเวนคืนตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2497 มาตรา 14 กำหนดตามความเป็นธรรมในวันใช้บังคับพระราชกฤษฎีกาเวนคืน ต้องถือตามประกาศราคาปานกลางของที่ดินเพื่อเก็บภาษีบำรุงท้องที่กับสภาพและทำเลของทรัพย์สินมาประกอบกับ ราคาที่ดินใกล้เคียงทำสัญญาซื้อขายกันสูงกว่าราคาจริง โดยสมยอมเพื่อต่อรองเมื่อมีการเวนคืน อนุญาโตตุลาการนำมาอาศัยกำหนดราคาเวนคืน จึงขัดต่อกฎหมาย ศาลไม่บังคับตามคำชี้ขาดนั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินหลายโฉนดต้องถูกเวนคืนเพื่อประโยชน์ในการชลประทานพร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้าง ในการกำหนดค่าทดแทนโจทก์จำเลย ได้แต่งตั้งอนุญาโตตุลาการของแต่ละฝ่ายขึ้นพิจารณา ซึ่งอนุญาโตตุลาการทั้งสองฝ่ายได้กำหนดให้จำเลยจ่ายเงินค่าทดแทนแก่โจทก์ แต่จำเลยปฏิเสธตามคำชี้ขาดนั้น โจทก์เห็นว่าคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการไม่ขัดต่อกฎหมาย จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การว่า คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการขัดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๑๔ คณะอนุญาโตตุลาการมิได้กระทำการโดยสุจริต เงินค่าทดแทนที่ชี้ขาดให้จำเลยชำระไม่เป็นธรรม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ทางราชการได้ประกาศเวนคืนที่ดินที่จะขุดคลองส่งน้ำตามโครงการชลประทานเขาแก้วของจำเลยในท้องที่อำเภอพยุหะคีรี เพื่อช่วยเหลือการเพาะปลูกของราษฎร ตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๘๘ ที่ดินของโจทก์ถูกเวนคืน ๑๑ แปลงเนื้อที่ ๗ ไร่เศษ คณะกรรมการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์กำหนดค่าทดแทนให้โจทก์ไร่ละ ๑๒,๐๐๐ บาท โจทก์เรียกร้องไร่ละ ๖๐๐,๐๐๐ บาท ตกลงกันไม่ได้ โจทก์จำเลยตกลงตั้งอนุญาโตตุลาการฝ่ายละหนึ่งนาย อนุญาโตตุลาการชี้ขาดให้จำเลยจ่ายเงินค่าทดแทนให้แก่โจทก์ไร่ละ ๒๒๐,๐๐๐ บาท จำเลยไม่ยอมปฏิบัติ อ้างว่าคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการขัดต่อกฎหมาย แล้ววินิจฉัยปัญหาว่าคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการขัดต่อกฎหมายหรือไม่ ดังนี้
เมื่อพิจารณาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๑๔ แล้วเห็นว่า การกำหนดราคาที่ดินที่ถูกเวนคืนตามความเป็นธรรมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทร้พย์ดังกล่าว ต้องถือตามประกาศราคาปานกลางของที่ดินเพื่อประโยชน์แห่งการเสียภาษีบำรุงท้องที่ กับสภาพและทำเลของที่ดินประกอบกัน สำหรับราคาที่ดินตามประกาศราคาปานกลางของที่ดิน ต้องเป็นราคาปานกลางของที่ดินในหน่วยที่ต้องถูกเวนคืนนั้นเอง เมื่อที่ดินของโจทก์ที่ต้องเวนคืนอยู่ในหน่วยที่ ๓ ซึ่งมีราคาปานกลางไร่ละ ๑๒,๐๐๐ บาท ก็ต้องถือเอาราคาปานกลางดังกล่าวเป็นราคาปานกลางของที่ดินโจทก์ จะถือเอาราคาปานกลางของที่ดินในหน่วยอื่นมาประกอบการพิจารณาเป็นราคาปานกลางไม่ได้ ส่วนสภาพและทำเลของที่ดินโจทก์ที่ถูกเวนคืน ได้ความว่าทำเลของที่พิพาทบางแปลอยู่ห่างถนนสายเอเซีย ๔๐๐ เมตร บางแปลงอยู่ติดกับถนนพหลโยธินซึ่งทางการเลิกใช้แล้ว ใกล้บริเวณที่พิพาทมีปั๊มน้ำมัน ๑ ปั๊มแต่เลิกใช้แล้ว จึงเห็นว่าทำเลของที่พิพาทอยู่หางย่านการค้าและชุมชน ส่วนสภาพของที่พิพาทบางแปลงเป็นลำคลองและเป็นที่นาที่ถมดินบางส่วน ๓ แปลง สภาพของที่พิพาทยังอยู่ในสภาพที่ใช้ทำประโยชน์ไม่ได้ตามสมควรการที่อนุญาโตตุลาการยกเอาราคาซื้อขายที่ดินใกล้เคียงกับที่พิพาทขึ้นพิจารณาประกอบ ก็เห็นว่าเป็นราคาที่สูงกว่าราคาที่แท้จริง สัญญาซื้อขายที่ทำไว้เป็นสัญญาที่สมยอมกันระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย เพื่อประโยชน์ในการต่อรองเมื่อมีการเวนคืนที่ดิน คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการดังกล่าวจึงขัดต่อกฎหมาย
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share