คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2229/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กำหนดเวลาที่เจ้าหนี้จะขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 91 นั้น ต้องถือเอาที่อยู่ของเจ้าหนี้เป็นสำคัญว่าอยู่นอกหรือในราชอาณาจักร ถ้าอยู่ในราชอาณาจักรต้องยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลาสองเดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ถ้าอยู่นอกราชอาณาจักรเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะขยายกำหนดเวลาให้อีกได้ไม่เกินสองเดือน ส่วนสัญชาติของเจ้าหนี้หรือสถานที่ที่หนี้เกิดขึ้นไม่เป็นข้อสำคัญ
เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้เป็นนิติบุคคลซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพมหานคร ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 71 ให้ถือเอาที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่เป็นภูมิลำเนาของนิติบุคคลนั้น ส่วนที่ตั้งของสำนักงานสาขาจะถือว่าเป็นภูมิลำเนาได้มีเฉพาะแต่กิจการซึ่งจะต้องทำ ณ ที่ตั้งสำนักงานสาขาเท่านั้น เมื่อการขอรับชำระหนี้รายนี้จะต้องทำ ณ ที่สำนักงานใหญ่ เจ้าหนี้ก็ไม่อาจยกภูมิลำเนาของสาขาต่างประเทศขึ้นมากล่าวอ้างเพื่อใช้สิทธิในฐานะเป็นเจ้าหนี้ที่อยู่นอกราชอาณาจักรได้

ย่อยาว

คดีนี้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยลูกหนี้เด็ดขาดเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้โฆษณาคำสั่งนั้นในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๑๙ ธนาคารกรุงเทพเจ้าหนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๔๑๙ โดยอ้างว่าลูกหนี้ที่ ๑ ที่ ๒ เป็นหนี้เจ้าหนี้ตามสัญญาเลตเตอร์ออฟเครดิตรวม ๑๐ ฉบับเป็นเงิน ๒,๓๒๖,๔๒๗.๐๘ บาท กับดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี คิดถึงวันพิทักษ์ทรัพย์เป็นเงิน ๔๖๗,๙๖๕.๗๖ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๒,๗๙๔,๓๙๒.๘๔ บาท เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วทำความเห็นเสนอต่อศาลว่าเจ้าหนี้มีภูมิลำเนาอยู่ราชอาณาจักร ชอบที่จะต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนด ๒ เดือน นับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดตามมาตรา ๙๑ แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.๒๔๘๓ แต่เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เกินกำหนด ๒ เดือนแล้ว จึงไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ เห็นควรให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายนี้เสียทั้งสิ้นตามมาตรา ๑๐๗ (๑) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า เจ้าหนี้มีภูมิลำเนาภายในประเทศไม่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนดของกฎหมาย จึงให้ยกคำขอรับชำระหนี้เสียทั้งสิ้น
เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ธนาคารเจ้าหนี้มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพมหานคร และมีสาขาดำเนินกิจการในต่างประเทศหลายแห่ง หนี้ที่เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เกิดขึ้นจากลูกหนี้ได้ทำสัญญาเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตกับเจ้าหนี้ ณ สำนักงานใหญ่ รวม ๑๐ ฉบับ เพื่อสั่งซื้อสินค้าจากประเทศญี่ปุ่น และฮ่องกง โดยระบุให้สำนักงานสาขาของเจ้าหนี้ที่โอซากา โตเกียว และ ฮ่องกง เป็นผู้จ่ายเงินค่าสินค้า
ปัญหาที่ว่าในกรณีเช่นนี้จะถือว่าเจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้เป็นเจ้าหนี้อยู่นอกราชอาณาจักรหรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.๒๔๘๓ มาตรา ๙๑ บัญญัติให้เจ้าหนี้ซึ่งจะขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายต้องยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลาสองเดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด แต่ถ้าเจ้าหนี้อยู่นอกราชอาณาจักรเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะขยายกำหนดเวลาให้อีกได้ไม่เกินสองเดือน มาตรานี้ให้ถือเอาที่อยู่ของเจ้าหนี้เป็นสำคัญว่าอยู่นอกหรือในราชอาณาจักร ส่วนสัญชาติของเจ้าหนี้หรือสถานที่ที่หนี้เกิดขึ้นไม่เป็นข้อสำคัญ เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้เป็นนิติบุคคลซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพมหานคร ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๗๑ ให้ถือเอาที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ของนิติบุคคลเป็นภูมิลำเนาของนิติบุคคลนั้น ส่วนที่ตั้งของสำนักงานสาขาจะถือว่าเป็นภูมิลำเนาได้ก็เฉพาะแต่กิจการซึ่งจะต้องทำ ณ ที่ตั้งสำนักงานสาขาเท่านั้น เมื่อการขอรับชำระหนี้รายนี้จะต้องทำ ณ ที่ตั้งสำนักงานใหญ่เจ้าหนี้ก็ไม่อาจยกภูมิลำเนาของสาขาต่างประเทศขึ้นมากล่าวอ้างเพื่อใช้สิทธิในฐานะเป็นเจ้าหนี้ที่อยู่นอกราชอาณาจักรได้
พิพากษายืน.

Share