คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 370/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายและจำเลยไปซื้อพริกด้วยกัน ขณะที่ผู้เสียหายกำลังก้มลงเลือกพริกอยู่ จำเลยบอกผู้เสียหายว่าเงินในกระเป๋าจะตกพร้อมกันหยิบเอาห่อพลาสติกซึ่งผู้เสียหายใส่เงิน 2,200 บาทจากกระเป๋าเสื้อของผู้เสียหายมาถือไว้ ผู้เสียหายจึงบอกให้จำเลยถือไว้ให้ดีอย่าให้ตกหาย แล้วเลือกพริกต่อไปอีกประมาณ 10 นาที เมื่อเงยหน้าขึ้นปรากฏว่าจำเลยเอาเงินของผู้เสียหายหลบหนีไปเสียแล้ว เช่นนี้ การครอบครองเงินจำนวนนี้ยังอยู่กับผู้เสียหาย การที่จำเลยเอาเงินของผู้เสียหายไป จึงมีความผิดฐานลักทรัพย์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยักยอก เมื่อปรากฏว่าจำเลยมีความผิดฐานลักทรัพย์ ศาลจะลงโทษจำเลยในความผิดฐานลักทรัพย์ไม่ได้ เพราะข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๑๙ เวลากลางวัน จำเลยได้ครอบครองและรักษาทรัพย์จำนวน ๒,๒๐๐ บาท ของนายพินหรือพลิน เสริมชื่อ ไว้แล้วบังอาจเบียดบังเอาเงินสดจำนวน ๒,๒๐๐ บาทไปเป็นของจำเลยโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ ไม่ใช่ยักยอก ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาโจทก์ไม่ประสงค์จะให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒ วรรคสาม พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏว่าขณะที่ผู้เสียหายกำลังก้มลงเลือกพริกอยู่ จำเลยบอกผู้เสียหายว่าเงินในประเป๋าจะตก พร้อมกันนั้นจำเลยก็หยิบเอาห่อพลาสติกซึ่งผู้เสียหายใส่เงิน ๒,๒๐๐ บาท จากกระเป๋าเสื้อของผู้เสียหายมาถือไว้ ผู้เสียหายจึงบอกให้จำเลยถือไว้ให้ดี อย่าให้ตกหายแล้วก็เลือกพริกต่อไปอีกประมาณ ๑๐ นาที เมื่อเงยหน้าขึ้นจะเอาเงินจากจำเลยให้ค่าพริก ปรากฏว่าจำเลยเอาเงินของผู้เสียหายหลบหนีไปเสียแล้ว เช่นนี้ ผู้เสียหายมิได้มอบการครอบครอบเงิน จำนวน ๒,๒๐๐ บาทแก่จำเลย การครอบครองเงินจำนวนนี้ยังอยู่กับผู้เสียหาย ความผิดฐานยักยอกทรัพย์นั้น ผู้กระทำความผิดต้องครอบครองตัวทรัพย์โดยเด็ดขาด การที่จำเลยเอาเงินของผู้เสียหายไปจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์ แต่ศาลจะลงโทษไม่ได้ เพราะข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ
พิพากษายืน

Share