คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1776/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อผู้ตายล้มลงและจอบหลุดจากมือ ผู้ตายไม่อาจจะทำร้ายจำเลยได้ การที่จำเลยได้ใช้จอบของผู้ตายตีผู้ตายขณะล้มนอนอยู่ จนกะโหลกศีรษะแตก แสดงว่าตีโดยแรง แม้ตีเพียง 1 ที ก็ถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า จะอ้างว่ากระทำเพื่อเป็นการป้องกันตัวไม่ได้
จำเลยเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อน โดยเปิดน้ำในนาของผู้ตายจนแห้งเพื่อนำเข้าไปใช้ในนาของจำเลย เมื่อผู้ตายมาด่าและท้าจำเลย จำเลยทำร้ายผู้ตาย ดังนี้ จะอ้างว่ากระทำไปโดยบันดาลโทสะไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้จอบตีศีรษะ นายทองดีถึงแต่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ คืนของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ
นางล้อม ถองทอง ภริยาผู้ตายร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ จำคุก ๑๕ ปี คำให้การของจำเลยในชั้นศาลและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้ ๑ ใน ๓ คงจำคุก ๑๐ ปี ของกลางคืนเจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มูลเหตุที่จะเกิดคดีนี้เนื่องจากจำเลยเปิดน้ำในนาของผู้ตายจนแห้งเพื่อนำเข้าไปใช้ในนาของตนเอง ซึ่งเป็นการกระทำอย่างเห็นแก่ประโยชน์ของตนฝ่ายเดียวไม่คำนึงถึงความเสียหายของผู้ตาย ตามคำเบิกความของตัวจำเลย เมื่อผู้ตายท้าจำเลย จำเลยก็ลุกขึ้นยืนและหันหน้าไปทางผู้ตาย แสดงว่าจำเลยประสงค์จะต่อสู้กับผู้ตายจะอ้างว่ากระทำเพื่อเป็นการป้องกันตัวหาได้ไม่ และมูลเหตุเกิดจากการกระทำของจำเลยก่อน จึงไม่อาจอ้างว่าได้กระทำไปโดยเป็นการบันดาลโทสะ
ตามคำเบิกความของพยานโจทก์ยืนยันว่า ผู้ตายล้มและจอบหลุดจากมือแล้ว ผู้ตายไม่อาจจะทำร้ายจำเลยได้ การที่จำเลยใช้จอบของผู้ตายตีผู้ตายขณะที่ผู้ตายล้มนอนอยู่ จึงมิใช่เป็นการป้องกันตัว
จำเลยใช้จอบตีศีรษะผู้ตายขณะที่ผู้ตายนอนอยู่ เป็นการเลือกทำร้ายผู้ตายในส่วนของร่างกายที่สำคัญ ปรากฏตามรายงานการชันสูตรพลิกศพท้ายฟ้องว่า กะโหลกศีรษะของผู้ตายแตกทั้งด้านซ้ายและขวาและฐานกะโหลกบริเวณดวงตาด้วย จนกะโหลกกดเนื้อสมองยุบ สมองบวมช้ำมาก เหตุที่ตายก็เพราะสมองได้รับความกระทบกระเทือนมากและมีเลือดออกในสมอง บาดแผลดังกล่าวจึงแสดงให้เห็นว่าจำเลยตีผู้ตายโดยแรง แม้จำเลยจะตีผู้ตายเพียง ๑ ที ผู้ตายก็ได้รับอันตรายจนถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
พิพากษายืน.

Share