แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำฟ้องฎีกาของโจทก์ไม่มีลายมือชื่อผู้ฎีกา ผู้เรียงและผู้พิมพ์คำฟ้องฎีกา เป็นคำฟ้องฎีกาที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามฎีกา คดีไม่มีเหตุสมควรที่จะส่งสำนวนคืนศาลชั้นต้นเพื่อจัดการให้มีการลงชื่อผู้ฎีกาผู้เรียงและผู้พิมพ์ให้ถูกต้อง ศาลฎีกาจึงพิพากษายกฎีกาโจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ นายประยูรขับรถยนต์นั่งโดยสารสาธารณะของโจทก์ไปตามถนนและถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในข้อหาขับรถยนต์ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ส่งตัวแก่จำเลยซึ่งทำหน้าที่พนักงานสอบสวน จำเลยได้ยึดรถยนต์ของโจทก์ไว้โดยไม่มีอำนาจเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้โจทก์เสียหายขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปรากฏว่าคำฟ้องฎีกาของโจทก์ไม่มีลายมือชื่อผู้ฎีกาผู้เรียงและผู้พิมพ์คำฟ้องฎีกา เป็นคำฟ้องฎีกาที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง คู่ความต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและฎีกาของโจทก์เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยเก็บรักษารถยนต์ไว้เพื่อคืนแก่เจ้าของ เพื่อนำไปสู่ข้อกฎหมายที่โจทก์ยกขึ้นอ้าง จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามฎีกา คดีไม่มีเหตุสมควรที่จะส่งสำนวนคืนศาลชั้นต้นเพื่อจัดการให้มีการลงชื่อผู้ฎีกาผู้เรียงและผู้พิมพ์ให้ถูกต้อง
พิพากษายกฎีกาโจทก์