คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1536/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลล่างฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่าจำเลยสั่งระงับการจ่ายเงินตามเช็คโดยมิได้มีเจตนาทุจริตโจทก์ฎีกาว่าจำเลย ได้อายัดการจ่ายเงินตามเช็คโดยเจตนาทุจริต เป็นการฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องว่า จำเลยได้ออกเช็คธนาคารกรุงเทพจำกัด สาขาราชวงศ์ เพื่อชำระหนี้ให้โจทก์ จำนวนเงิน ๔๐,๐๐๐ บาท ครั้งถึงกำหนดโจทก์นำเช็คดังกล่าวเข้าบัญชีของโจทก์ที่ธนาคารกรุงเทพพาณิชยการ จำกัด สาขาปากน้ำโพเพื่อเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารกรุงเทพจำกัดสาขาราชวงศ์ปฏิเสธการจ่ายเงินโดยอ้างว่ามีคำสั่งระงับการจ่าย ทั้งนี้เนื่องจากจำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการชำระเงินตามเช็คนั้น และจำเลยได้ห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็คโดยทุจริต ฯลฯ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกินจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้อง เห็นว่า คดีมีมูล มีคำสั่งประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่า จำเลยอายัดการจ่ายเงินตามเช็คโดยเจตนาทุจริต ศาลชั้นต้นจึงสั่งรับฎีกาโดยเห็นว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาเห็นว่าศาลล่างฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่าจำเลยสั่งระงับการจ่ายเงินตามเช็คโดยมิได้มีเจตนาทุจริตโจทก์ฎีกาว่าจำเลยได้อายัดการจ่ายเงินตามเช็คโดยเจตนาทุจริต จึงเป็นการฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๐ ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาโจทก์โดยอ้างว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมาย เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย พิพากษายกฎีกาโจทก์

Share