คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7276/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยออกเช็คให้ผู้เสียหายเพื่อชำระหนี้ค่าเช่ารถยนต์เป็นการส่วนตัว โดยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค แต่ข้อเท็จจริงในทางนำสืบปรากฏว่าเช็คดังกล่าว บริษัท ว. เป็นผู้ออกเพื่อชำระค่าเช่ารถยนต์แก่ผู้เสียหาย จำเลยลงลายมือชื่อในเช็คพิพาทในฐานะกรรมการของบริษัท ว. เท่านั้น จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดตามเช็คพิพาทเป็นการส่วนตัว อีกทั้งคำบรรยายฟ้องของโจทก์ก็มิได้บรรยายว่าจำเลยต้องร่วมรับผิดกับบริษัท ว. ฐานตัวการ ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 ประกอบ ป.อ. มาตรา 83 ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาจึงแตกต่างจากข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญ ศาลจะต้องพิพากษายกฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบกับมาตรา 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๔ ป.อ. มาตรา ๙๑ กับให้นับโทษจำคุกจำเลยต่อจากโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๓๓๒๘/๒๕๔๐ ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๔ รวม ๓ กระทง ให้จำคุกกระทงละ ๒ เดือน เรียงกระทงลงโทษ ตาม ป.อ. มาตรา ๙๑ รวมจำคุก ๖ เดือน คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๓๘ ถึงวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๓๙ วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยได้ออกเช็คธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาพุทธมณฑลสาย ๔ จำนวนเงินฉบับละ ๑๑๒,๓๕๐ บาท รวม ๓ ฉบับ มอบให้บริษัทวิริยะลีสซิ่ง จำกัด ผู้เสียหาย เพื่อชำระหนี้ค่าเช่ารถยนต์ซึ่งเป็นหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย เห็นว่า คำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวบรรยายว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ผู้เสียหายเป็นการส่วนตัวมิใช่เป็นการทำแทนนิติบุคคล แต่ข้อเท็จจริงตามทางนำสืบโจทก์กลับปรากฏว่า เช็คดังกล่าวเป็นเช็คส่วนหนึ่งที่บริษัทวิธานันท์ก่อสร้าง จำกัด เป็นผู้ออกเพื่อชำระค่าเช่ารถเบ็นซ์จากผู้เสียหายมีกำหนดระยะเวลา ๓๖ เดือน อัตราเดือนละ ๑๑๒,๓๕๐ บาท รวมเป็นเงินค่าเช่าทั้งสิ้น ๔,๐๔๔,๖๐๐ บาท จำเลยลงลายมือชื่อในเช็คพิพาทในฐานะกรรมการของบริษัทวิธานันท์ก่อสร้าง จำกัด เท่านั้น จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดตามเช็คพิพาทเป็นการส่วนตัว ทั้งตามคำฟ้องของโจทก์ก็มิได้บรรยายให้จำเลยร่วมรับผิดกับบริษัทวิธานันท์ก่อสร้าง จำกัด ฐานตัวการ ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๕๓๔ ประกอบ ป.อ. มาตรา ๘๓ ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญ ศาลจะต้องพิพากษายกฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๑๙๒ วรรคสอง ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๑๙๕ วรรคสอง ประกอบมาตรา ๒๒๕ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล เมื่อวินิจฉัยดังนี้แล้ว ไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของโจทก์ต่อไป ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share