แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีก่อนศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การที่จำเลยที่ 1 ปิดกั้นทางเข้าออกและเรียกเก็บเงินค่าผ่านถนนพิพาทเป็นการทำตามมติเสียงข้างมากของที่ประชุมชาวบ้านที่อยู่อาศัยในศูนย์การค้า โจทก์คดีดังกล่าวแม้ไม่เห็นด้วยก็ต้องปฏิบัติตาม การปิดกั้นทางเข้าออกและเรียกเก็บเงินของจำเลยที่ 1 เป็นการกระทำโดยชอบ ไม่เป็นการละเมิด เมื่อโจทก์กับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ท้ากันให้ถือเอาคำพิพากษาคดีดังกล่าวมาเป็นข้อวินิจฉัยคดีนี้ จึงต้องฟังว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 สามารถปิดกั้นทางเข้าออกและเรียกเก็บเงินค่าผ่านถนนพิพาทตามข้อบังคับของจำเลยที่ 2 ซึ่งออกตามมติของที่ประชุมดังกล่าวได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามมิให้เรียกเก็บเงินค่าผ่านเข้าออกและจอดรถในศูนย์การค้าเมโทรจากลูกค้าหรือผู้มาติดต่อกับโจทก์ ห้ามจำเลยทั้งสามปิดกั้นขัดขวางการผ่านเข้าออกของลูกค้าและผู้มาติดต่อกับโจทก์ ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชดใช้ค่าขาดรายได้วันละ 5,000 บาท แก่โจทก์นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะปฏิบัติตามคำขอข้างต้น
จำเลยทั้งสามให้การขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น คู่ความแถลงรับกันว่าถนนพิพาทตามฟ้องทั้ง 6 สาย ตกเป็นทางภาระจำยอมของที่ดินโฉนดเลขที่ 11082 และ 11083 ตำบลมักกะสัน (ประแจจัน) อำเภอพญาไท (ดุสิต) กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารเลขที่ 1091/105-106 ของนางสาวสร้อยศรี ภัทรประสิทธิ์ ที่โจทก์อาศัยทำการค้า โจทก์เคยตกลง ยอมชำระค่าจอดรถแทนลูกค้าที่มาติดต่อกับโจทก์ตามข้อบังคับของจำเลยที่ 2 หลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามคดีหมายเลขแดงที่ 21818/2539 โจทก์ไม่ยอมชำระค่าจอดรถให้จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 จึงเรียกเก็บจากลูกค้าของโจทก์เอง
โจทก์ขอถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 3 ศาลชั้นต้นอนุญาต
ในวันนัดพร้อมและสืบพยานโจทก์โจทก์กับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ท้ากันให้ศาลวินิจฉัยโดยไม่สืบพยานว่า ลูกค้าของโจทก์ถือเป็นบริวารของนางสาวสร้อยศรี ที่โจทก์อาศัยทำการค้าหรือไม่ และการที่ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ 21818/2539 ทำให้โจทก์และลูกค้าของโจทก์ไม่ต้องจ่ายเงินค่าเข้าออกและจอดรถหรือไม่ โดยโจทก์ไม่ติดใจในประเด็นค่าเสียหาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาห้ามมิให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 เรียกเก็บเงินค่าผ่านเข้าออกและจอดรถ ตลอดจนห้ามปิดกั้นขัดขวางการผ่านเข้าออกศูนย์การค้าเมโทรของลูกค้า และหรือผู้ที่มาติดต่อโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ คำขออื่นให้ยก
จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ห้ามมิให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ปิดกั้นขัดขวางการผ่านเข้าออกศูนย์การค้าเมโทรของลูกค้าและหรือผู้ที่มาติดต่อกับโจทก์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 2 มีว่า ลูกค้าของโจทก์ถือเป็นบริวารของนางสาวสร้อยศรีที่โจทก์อาศัยทำการค้าหรือไม่ เห็นว่า ในชั้นพิจารณาโจทก์กับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ท้ากันให้ศาลวินิจฉัยเพียง 2 ประเด็นว่า ลูกค้าของโจทก์ถือเป็นบริวารของนางสาวสร้อยศรีที่โจทก์อาศัยทำการค้าหรือไม่ กับการที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ 21818/2539 ทำให้โจทก์และลูกค้าของโจทก์ไม่ต้องจ่ายเงินค่าเข้าออกและจอดรถหรือไม่เท่านั้น อันถือได้ว่าโจทก์กับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ท้ากันให้ศาลพิจารณาพิพากษาคดีไปตามคำท้าที่เสนอไว้ ศาลจึงต้องพิจารณาคดีไปตามคำท้านั้น อันเป็นการสละประเด็นพิพาทข้ออื่นในคดีแล้ว จำเลยที่ 1 และที่ 2 ย่อมไม่มีสิทธิยกเรื่องอำนาจฟ้องอันเป็นประเด็นนอกเหนือคำท้าขึ้นอ้างในชั้นฎีกาอีก ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ 21818/2539 ทำให้โจทก์และลูกค้าของโจทก์ไม่ต้องจ่ายเงินค่าเข้าออกและจอดรถหรือไม่ เห็นว่า คดีดังกล่าวศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การที่จำเลยที่ 1 ปิดกั้นทางเข้าออกและเรียกเก็บเงินค่าผ่านถนนพิพาทเป็นการทำตามมติเสียงข้างมากของที่ประชุมชาวบ้านที่อยู่อาศัยในศูนย์การค้า โจทก์คดีดังกล่าวแม้ไม่เห็นด้วยก็ต้องปฏิบัติตามการปิดกั้นทางเข้าออกและเรียกเก็บเงินของจำเลยที่ 1 เป็นการกระทำโดยชอบ ไม่เป็นการละเมิด เมื่อโจทก์กับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ท้ากันให้ถือเอาคำพิพากษาคดีดังกล่าวมาเป็นข้อวินิจฉัยคดีนี้ จึงต้องฟังว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 สามารถปิดกั้นทางเข้าออกและเรียกเก็บเงินค่าผ่านถนนพิพาทตามข้อบังคับของจำเลยที่ 2 ซึ่งออกตามมติของที่ประชุมดังกล่าวได้ ที่โจทก์ฎีกาว่า เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ 21818/2539 ว่า ถนนพิพาทเป็นทางภาระจำยอม ดังนั้น โดยผลของกฎหมายโจทก์และลูกค้าของโจทก์ซึ่งเป็นบริวารของนางสาวสร้อยศรีย่อมมีสิทธิใช้ถนนพิพาทได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินค่าผ่านทางเข้าออกนั้น เห็นว่า โจทก์กับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ท้ากันให้ศาลวินิจฉัยว่าการที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาในคดีดังกล่าวทำให้โจทก์และลูกค้าของโจทก์ไม่ต้องจ่ายเงินค่าเข้าออกและจอดรถหรือไม่ จึงไม่อาจนำหลักกฎหมายเรื่องภาระจำยอมมาบังคับได้ ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาห้ามมิให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ปิดกั้นขัดขวางการผ่านเข้าออกศูนย์การค้าเมโทรของลูกค้าและหรือผู้ที่มาติดต่อกับโจทก์จึงเป็นการไม่ชอบ
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอที่ขอให้ห้ามจำเลยที่ 1 และที่ 2 ปิดกั้นขัดขวางการผ่านเข้าออกศูนย์การค้าเมโทรของลูกค้าและหรือผู้มาติดต่อกับโจทก์เสียด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ