แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องเรียกโฉนดที่ดินซึ่งเป็นเอกสิทธิ์แสดงหลักฐานกรรมสิทธิ์คืนจากจำเลยผู้ไม่มีสิทธิ์จะยึดถือไว้เท่านั้น มิใช่พิพาทกันในเรื่องกรรมสิทธิ์ของที่ดิน ผลของคดีไม่ทำให้กรรมสิทธิ์ในที่ดินเปลี่ยนแปลงแต่ประการใด จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง แม้คู่ความจะติราคาโฉนดที่พิพาทไว้ด้วย ก็ไม่ทำให้กลายเป็นคดีมีทุนทรัพย์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขอยืมโฉนดที่ดินของโจทก์ เพื่อเอาไปเป็นหลักประกันเงินกู้แต่ไม่มีผู้ใดให้กู้ โจทก์ขอโฉนดคืนจำเลยผัดผ่อนเรื่อยมา ขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยคืนโฉนดตามฟ้องให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่าไม่เคยยืมโฉนดเพื่อไปทำการตามที่โจทก์ฟ้อง ขอให้ศาลยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยคืนโฉนดให้แก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นคดีมีทุนทรัพย์เป็นเงิน ๑,๐๐๐ บาท จำเลยอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๔ พิพากษายกอุทธรณ์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกโฉนดที่ดิน ซึ่งเป็นเอกสารแสดงหลักฐานกรรมสิทธิ์ที่ดินคืนจากจำเลยผู้ไม่มีสิทธิ์จะยึดไว้เท่านั้น มิใช่พิพาทกันในเรื่องกรรมสิทธิ์ของที่ดิน ผลของคดีไม่ทำให้กรรมสิทธิ์ในที่ดินเปลี่ยนแปลงไปแต่ประการใด จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๓๖๒/๒๕๒๐ แม้คู่ความจะตีราคาโฉนดพิพาทว่ามีมูลค่าถึง ๑,๐๐๐ บาท ก็เป็นเรื่องของคู่ความเอง ศาลไม่จำต้องถือตาม
พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี.