คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8647/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 เป็นคดีความผิดต่อส่วนตัว เมื่อโจทก์ขอถอนฟ้องในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ย่อมเป็นอำนาจของศาลฎีกาที่จะพิจารณาสั่ง ศาลชั้นต้นหามีอำนาจสั่งไม่ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง และจำหน่ายคดีจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวเสีย แต่อย่างไรก็ตามเมื่อจำเลยทั้งสองไม่คัดค้านคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์ ศาลฎีกาจึงอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้ และสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (2) ให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 ป.อ. มาตรา 83
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 (1) (3) ป.อ. มาตรา 83
เลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง จำเลยทั้งสองไม่คัดค้าน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง จำหน่ายคดีจากสารบบความ
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้เป็นคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัว โจทก์จะถอนฟ้องในเวลาใดก่อนคดีถึงที่สุดก็ได้ แต่ปรากฏว่าโจทก์ขอถอนฟ้องในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ย่อมเป็นอำนาจของศาลฎีกาที่จะพิจารณาสั่ง ศาลชั้นต้นหามีอำนาจสั่งไม่ จึงให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งจำหน่ายคดีเสีย แต่อย่างไรก็ตามเมื่อจำเลยทั้งสองไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้และสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (2) ให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ.

Share