คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8878/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การปรับถือว่าเป็นโทษอย่างหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 18 (4) ดังนั้น แม้คดีก่อนศาลจะลงโทษจำคุกและรอการ ลงโทษให้จำเลย แต่ปรากฏว่าคดีนั้นศาลก็ได้ลงโทษปรับจำเลยอีกสถานหนึ่งด้วย เมื่อมีการชำระค่าปรับครบถ้วน ในวันเวลาใด ย่อมถือว่าจำเลยได้พ้นโทษในวันที่ชำระค่าปรับนั้นแล้ว เมื่อพ้นโทษปรับมายังไม่ครบกำหนดห้าปี จำเลยกลับมากระทำผิดคดีนี้อีก จึงต้องวางโทษทวีคูณแก่จำเลยตามที่ พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 มาตรา 113 บัญญัติไว้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๔๒ เวลากลางคืน จำเลยเสนอจำหน่ายและมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้านาฬิกาข้อมือที่มีตราเครื่องหมายการค้าโรเล็กซ์ ๑ เรือน อันเป็นเครื่องหมายการค้าปลอมที่มีผู้ทำปลอมเครื่องหมายการค้าที่แท้จริง ของบริษัทมองเตรส โรเล็กซ์ เอส. เอ. จำกัด ผู้เสียหายที่ ๑ ซึ่งเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และ ที่มีตราเครื่องหมายการค้าโอเมก้า ๑๐ เรือน อันเป็นเครื่องหมายการค้าปลอมที่มีผู้ทำปลอมเครื่องหมายการค้าที่แท้จริงของบริษัทโอเมก้า เอส. อา. จำกัด ผู้เสียหายที่ ๒ ซึ่งเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และผู้เสียหายทั้งสองได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าไว้แล้วโดยชอบในราชอาณาจักร โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นสินค้าที่มีการปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้เสียหายทั้งสอง เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยได้พร้อมทั้งยึดนาฬิกาข้อมือ ๑๑ เรือนที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมดังกล่าวเป็นของกลาง ก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก ๓ เดือน และปรับ ๙,๐๐๐ บาท โทษจำคุกรอการลงโทษมีกำหนด ๑ ปี ฐานเสนอจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมตามคดีอาญา หมายเลขแดงที่ ๑๐๗๒/๒๕๔๑ ของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๔๑ และภายในกำหนดเวลาที่ศาลรอการลงโทษไว้ในคดีดังกล่าวและจำเลยพ้นโทษแล้วยังไม่ครบกำหนดห้าปี จำเลย ได้กลับมากระทำความผิดในคดีนี้อีก ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๔, ๑๐๘, ๑๑๐, ๑๑๓, ๑๑๖ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒, ๓๓, ริบของกลาง และบวกโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญา หมายเลขแดงที่ ๑๐๗๒/๒๕๔๑ ของศาลชั้นต้นเข้ากับโทษจำเลยคดีนี้
จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเคยต้องคำพิพากษาให้ลงโทษจริงตามฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๑๑๐ (๑) ประกอบมาตรา ๑๐๘ จำคุก ๖ เดือน และปรับ ๑๐,๐๐๐ บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๓ เดือน และปรับ ๕,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ๑ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙ และ ๓๐ ริบของกลาง เนื่องจากการกระทำความผิดของจำเลยครั้งนี้เกิดขึ้นในระหว่างรอการลงโทษ จึงยังไม่ถือว่าจำเลยกระทำความผิด เมื่อพ้นโทษแล้วตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๑๑๓ คำขอให้เพิ่มโทษ (ทวีคูณ) จึงให้ยก ส่วนโทษจำคุกในคดีนี้ศาลให้รอการลงโทษจึงไม่มีโทษจำคุกที่จะบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ ให้ยกคำขอของโจทก์ ในส่วนนี้ด้วย
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา ขอให้วางโทษทวีคูณแก่จำเลยและขอไม่ให้รอการลงโทษจำคุกแก่จำเลย
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า สำหรับข้อที่โจทก์อุทธรณ์ขอให้วางโทษทวีคูณแก่จำเลยนั้น เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๑๑๓ บัญญัติไว้ว่า “บุคคลใด กระทำความผิดต้องระวางโทษตามพระราชบัญญัตินี้ เมื่อพ้นโทษแล้วยังไม่ครบกำหนดห้าปีกระทำความผิดตาม พระราชบัญญัตินี้อีก ให้วางโทษทวีคูณ” ตามบทบัญญัติดังกล่าวไม่ได้ระบุว่าการพ้นโทษจะต้องเป็นการพ้นโทษจำคุกอย่างเดียว การปรับก็ถือว่าเป็นโทษอย่างหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘ (๔) ดังนั้น แม้คดีก่อนศาลจะลงโทษ จำคุกและรอการลงโทษให้จำเลย แต่ปรากฏว่าคดีนั้นศาลก็ได้ลงโทษปรับจำเลยอีกสถานหนึ่งด้วย เมื่อมีการชำระ ค่าปรับครบถ้วนในวันเวลาใดย่อมถือว่าจำเลยได้พ้นโทษในวันที่ชำระค่าปรับนั้นแล้ว เมื่อคดีนี้ข้อเท็จจริงฟังได้ตาม คำฟ้องและคำรับสารภาพของจำเลยว่า จำเลยเคยถูกศาลลงโทษปรับตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ มาแล้ว และพ้นโทษปรับมายังไม่ครบกำหนดห้าปี จำเลยกลับมากระทำความผิดคดีนี้ ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติ เครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ เช่นเดียวกันอีก จึงต้องวางโทษทวีคูณแก่จำเลยตามที่พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๑๑๓ บัญญัติไว้ ส่วนข้อที่โจทก์อุทธรณ์ขอไม่ให้รอการลงโทษจำคุกแก่จำเลยนั้น เห็นว่า จำเลยเสนอจำหน่ายและมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งนาฬิกาข้อมือที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมจำนวนเพียงเล็กน้อย สภาพความผิดของจำเลยจึงไม่ร้ายแรงนัก เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ก็ควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดี อีกสักครั้งหนึ่ง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้วางโทษทวีคูณแก่จำเลยตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๑๑๓ จำคุก ๑ ปี และปรับ ๒๐,๐๐๐ บาท เมื่อลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๘ แล้ว คงจำคุก ๖ เดือน และปรับ ๑๐,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ๑ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙ และ ๓๐ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สิน ทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง.

Share