คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9854/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บุคคลผู้ชอบที่จะฟ้องเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุประพฤติเนรคุณได้นั้น ต้องฟ้องคดีภายในหกเดือนนับแต่เหตุประพฤติเนรคุณนั้นได้ทราบถึงผู้นั้น และห้ามมิให้ฟ้องคดีเมื่อพ้นเวลาสิบปีภายหลังเหตุการณ์เช่นว่านั้นตามป.พ.พ. มาตรา 533 บทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวไม่ได้ให้สิทธิเลือกจะฟ้องคดีภายในหกเดือนหรือสิบปี
แม้ผู้ให้ยังมีชีวิตอยู่และยากไร้ ผู้รับให้มีหน้าที่ต้องอุปการะเลี้ยงดูผู้ให้ตามความจำเป็นและผู้รับให้สามารถให้ได้ตลอดเวลาที่ผู้ให้ยังมีชีวิตอยู่ก็ตาม แต่เหตุประพฤติเนรคุณทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อนับถึงวันฟ้องเกินกว่าหกเดือนนับแต่วันที่ผู้ให้ได้ทราบถึงเหตุเหล่านั้น คดีจึงขาดอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 533 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ถอนคืนการให้ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก.) เลขที่ ๕๒๒ เลขที่ดิน ๙๔ ตำบลโคกไทย อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา และ ที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๑๕๑ ตำบลเมืองปัก อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา และบ้านเลขที่ ๑๐๕ หมู่ที่ ๖ ตำบลเมืองปัก อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา และให้จำเลยส่งมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์และ โฉนดที่ดินดังกล่าวแก่โจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติให้ถือเอาตามคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า โจทก์เป็นมารดาจำเลยโจทก์ยกที่ดินตามฟ้องให้จำเลยโดยเสน่หา โดยจำเลยตกลงจะเลี้ยงดูโจทก์ไปจนกว่าโจทก์จะถึงแก่ความตาย ต่อมาโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยไม่อุปการะเลี้ยงดูโจทก์เป็นการประพฤติเนรคุณโจทก์ขอเรียกถอนคืนการให้ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า ป.พ.พ. มาตรา ๕๓๓ ให้สิทธิโจทก์ที่จะเลือกฟ้องเรียกถอนคืนการให้ได้ภายในอายุความหกเดือนหรือสิบปี เมื่อเหตุตามฟ้องที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยประพฤติเนรคุณเกิดขึ้นยังไม่เกินสิบปีและเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องกันมาโดยตลอดจนปัจจุบัน ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ เห็นว่า ป.พ.พ. มาตรา ๕๓๓ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “…หรือเมื่อ เวลาได้ล่วงไปแล้วหกเดือนนับแต่เหตุเช่นนั้นได้ทราบถึงบุคคลผู้ชอบที่จะเรียกถอนคืนการให้ได้นั้นก็ดี ท่านว่าหาอาจจะถอนคืนการให้ได้ไม่” และวรรคสองของมาตราดังกล่าวบัญญัติว่า “อนึ่ง ท่านห้ามมิให้ฟ้องคดีเมื่อพ้นเวลาสิบปี ภายหลังเหตุการณ์เช่นว่านั้น” ซึ่งหมายความว่า บุคคลผู้ชอบที่จะฟ้องเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุประพฤติเนรคุณได้นั้น ต้องฟ้องคดีภายในหกเดือนนับแต่เหตุประพฤติเนรคุณนั้นได้ทราบถึงผู้นั้น บทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวไม่ได้ ให้สิทธิผู้ที่จะฟ้องคดีเรียกถอนคืนการให้เลือกจะฟ้องคดีภายในหกเดือนหรือสิบปีดังที่โจทก์อ้างในฎีกาแต่อย่างใด แต่โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๔๑ ซึ่งเหตุประพฤติเนรคุณที่โจทก์กล่าวอ้างในคำฟ้องและนำสืบดังกล่าว ทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อนับถึงวันฟ้องเกินกว่าหกเดือนนับแต่วันที่โจทก์ได้ทราบถึงเหตุเหล่านั้น ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share