คำสั่งคำร้องที่ 51/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาข้อ 2.1,2.2,2.3เป็นปัญหาข้อกฎหมายซึ่งมิได้ยกขึ้นมาว่ากันในศาลอุทธรณ์ และเป็นข้อกฎหมายที่ไม่มีสาระ และฎีกาข้อ 2.5 เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 จึงไม่รับให้รับฎีกาเฉพาะข้อ 2.4 ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายจำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยในข้อ 2.1,2.2 และข้อ 2.3ปัญหาว่าฟ้องของโจทก์สมบูรณ์หรือไม่ เคลือบคลุมหรือไม่ และการที่ศาลชั้นต้นรับฟังข้อเท็จจริงนอกสำนวนเป็นการขัดต่อกระบวนพิจารณาในการรับฟังพยานหลักฐาน นั้น ย่อมเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เป็นสาระสำคัญ และเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้มิได้ยกขึ้นว่ากันในศาลล่างจำเลยก็มีสิทธิยกขึ้นว่ากันในชั้นฎีกาได้ สำหรับฎีกาข้อ 2.5 ปัญหาว่า ศาลจะรับฟังคำเบิกความของพยานโจทก์ทั้ง 2 ปาก ซึ่งเป็นผู้กระทำผิดไม่ใช่ผู้เสียหายแล้วมาวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหรือไม่ เป็นการไม่ชอบ จึงไม่ต้องห้ามฎีกา โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 80)ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการค้าหญิงและเด็กหญิง พุทธศักราช 2471 มาตรา 4ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 จำคุก 2 ปี นับโทษต่อจากคดีอาญาหมายเลขคดีดำที่ 8466/2528 หมายเลขคดีแดงที่ 4733/2529 ซึ่งเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระกับคดีนี้ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการค้าหญิงและเด็กหญิง พุทธศักราช 2471 มาตรา 4 วรรคแรกนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาบางข้อดังกล่าว (อันดับ 78)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 80)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ฎีกาของจำเลยข้อ 2.1 ที่ว่าฟ้องโจทก์ไม่สมบูรณ์ และข้อ 2.2 ที่ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม เห็นว่าฟ้องโจทก์ได้บรรยายเกี่ยวกับรายละเอียดข้อเท็จจริงที่กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดครบถ้วนแล้ว จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ และไม่ขัดแย้งกันอันจะถือว่าเป็นฟ้องเคลือบคลุมดังฎีกาจำเลย แม้ฎีกาของจำเลยเช่นว่านี้จะเป็นปัญหาข้อกฎหมายก็เป็นข้อกฎหมายที่ไร้สาระส่วนฎีกาข้อ 2.3 ที่ว่าศาลชั้นต้นวินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงนอกสำนวนเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจึงไม่ชอบนั้นเห็นว่า ศาลล่างทั้งสองศาลหาได้พิพากษาโดยฟังข้อเท็จจริงนอกสำนวนแต่ประการใดไม่สำหรับฎีกาข้อ 2.5 นั้นก็เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ฎีกาของจำเลย จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยจึงชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share