แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยมีหนังสือถึงผู้บังคับบัญชาสูงสุดของโจทก์โดยมุ่งประสงค์ชี้แจงให้ทราบว่า จำเลยได้ฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญาต่อศาลแล้ว ขอให้หาทางป้องกันมิให้โจทก์ทำหลักฐานว่าในวันกล่าวหาโจทก์ปฏิบัติราชการอยู่ และหาทางป้องกันมิให้การกระทำผิดตามที่ได้ฟ้องไว้เกิดขึ้นอีก เช่นนี้ เป็นการกระทำโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรม เพื่อป้องกันส่วนได้เสียของจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329(1)แล้ว จำเลยไม่มีความผิด.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใส่ความโจทก์โดยทำหนังสือร้องเรียนต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ความว่า จำเลยได้ฟ้องโจทก์กับพวกต่อศาลอาญาหาว่าเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ และทุจริต ร่วมกันบุกรุกทำให้เสียทรัพย์ ศาลอาญานัดไต่สวนมูลฟ้องไว้แล้ว โจทก์นี้จำเลยสืบทราบว่าเป็นข้าราชการตำแหน่งคลังจังหวัดเอกจังหวัดสมุทรปราการสังกัดกรมบัญชีกลางกระทรวงการคลัง โจทก์ได้มาที่วัดราชาธิวาสในเวลาราชการกับพวก แล้วร่วมกันบุกรุกงัดสายยูและกุญแจประตูพระตำหนังสี่ฤดูซึ่งเป็นกุฏิที่อยู่ครอบครองจำพรรษาของจำเลย หลายประตูเข้าไป ปรากฏตามฟ้องคดีอาญาดังกล่าว ……. โจทก์เป็นข้าราชการตำแหน่งคลังจังหวัดเอกซึ่งนับว่าสำคัญอยู่ หาควรแก่การที่จะร่วมกับพวกดังกล่าวนั้นไม่ …. จำเลยทราบว่าพอถูกจำเลยเป็นโจทก์ฟ้องต่อศาลอาญา โจทก์กลับเที่ยวพูดว่าตนเองไม่ได้มา รับราชการอยู่ หากเป็นความจริงตามที่ทราบมา เกรงว่าโจทก์อาจกลัว ทำหลักฐานว่าโจทก์ไม่ได้มา….. ผู้ที่เป็นข้าราชการตำแหน่งโจทก์นี้ หาควรที่จะเอาตำแหน่งหน้าที่อันมีเกียรติไปกระทำต่อพระภิกษุเช่นจำเลย…. จำเลยเห็นต่อไปว่า กาหจะปล่อยให้ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เช่นโจทก์เที่ยวบุกรุกทำลายทรัพย์สินของพระภิกษุโดยตนเองไม่มีหน้าที่กระทำแล้ว ต่อไปภายหน้าเธอจะกระทำซ้ำอีก ก็จะเป็นการเสื่อมเสียแก่กระทรวงเจ้าสังกัด จึงเจริญพรมาเพื่อหาทางป้องกันต่อไป การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความดูหมิ่นเกลียดชังจากช้าราชการร่วมงานและผู้บังคับบัญชาตามลำดับขั้น ทำให้โจทก์เสื่อมเสียเกียรติยศชื่อเสียง เพราะโจทก์มิได้กระทำการดังกล่าว ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๙,๓๒๖,๓๒๘
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรม และป้องกันตนตามคลองธรรมเพื่อให้ผู้บังคับบัญชาของโจทก์ทราบไว้ ไม่เป็นผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๙ ฟ้องโจทก์ไม่มีมูลพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามที่จำเลยมีหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของโจทก์นั้น เป็นเรื่องมุ่งประสงค์ชี้แจงให้ทราบว่า จำเลยสืบทราบว่าโจทก์กับพวกได้ร่วมกันบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ จำเลยได้ฟ้องโจทก์กับพวกต่อศาลแล้ว ต่อมาจำเลยสืบทราบว่าโจทก์เที่ยวพูดว่า ตัวโจทก์ไม่ได้ไปกระทำผิดที่วัดราชาธิวาส โจทก์คงปฏิบัติราชการที่แผนกคลังจังหวัดสมุทรปราการ จำเลยเกรงว่าโจทก์อาจทำหลักฐานว่า ในวันกล่าวหาโจทก์ปฏิบัติราชการอยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ จึงร้องเรียนเพื่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหาทางป้องกันมิให้มีการทำหลักฐานเช่นนั้น และมิให้เกิดการกระทำผิดดังกล่าวขึ้นอีก จึงเป็นการกระทำ+เพื่อความชอบธรรม เพื่อป้องกันส่วนได้เสียของจำเลยตามคลองธรรมเพราะจำเลยกำลังฟ้องโจทก์เป็นจำเลยอยู่ที่ศาล จำเลยจึงมีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะต้องหาทางระงับมูลเหตุอันจะทำให้ผลในทางคดีเกิดเสียหาย จำเลยมิได้มีเจตนาแกล้งใส่ความหรือแกล้งประจานโจทก์พิพากษายืน.