คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8879/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำว่า “บุคคล” ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 8 ย่อมหมายความรวมถึงบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลด้วย ดังนั้น เมื่อผู้รับมอบอำนาจของโจทก์รับหนังสือแจ้งการประเมินจากเจ้าพนักงานสรรพากรแล้ว ก็ต้องถือว่าโจทก์ได้รับหนังสือแจ้งการประเมินให้ไปเสียภาษีในวันดังกล่าวแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งไม่รับคำอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์กับให้จำเลยรับคำอุทธรณ์ของโจทก์
จำเลยให้การว่า การประเมินของเจ้าพนักงานและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ชอบด้วยข้อกฎหมายแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า โจทก์ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ภายในกำหนด ๓๐ วัน นับแต่วันได้รับแจ้งการประเมินตามมาตรา ๓๐ แห่งประมวลรัษฎากรหรือไม่ เห็นว่า ตามเอกสารหมาย ล.๒ แผ่นที่ ๖ หรือตามเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๒ ระบุว่า วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๓๘ เวลา ๑๑ นาฬิกา นางสาวณัฐชรี รุจิเรข เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภาษี ๕ ได้นำหนังสือแจ้งภาษีเงินได้นิติบุคคลและหนังสือแจ้งให้นำส่งภาษีเงินได้นิติบุคคล ลงวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๓๘ ไปที่บริษัทโจทก์ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เลขที่ ๓๓ ถนนท่าเรือ แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร และได้ส่งมอบหนังสือดังกล่าวให้แก่นายทนง วงศ์จงใจหาญ ลงลายมือชื่อเป็นผู้รับไว้ด้วย การที่นางสาวณัฐชรีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภาษีของจำเลยเดินทางไปยังสำนักงานของโจทก์เลขที่ ๓๓ ถนนท่าเรือ แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร อันเป็นภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ของโจทก์ตามที่โจทก์จดทะเบียนไว้ เพื่อนำส่งหนังสือแจ้งการประเมินภาษีเงินได้และนำส่งภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่จำเลยด้วยตนเองเช่นนี้ เมื่อนายทนงขณะนั้นอยู่ที่สำนักงานของโจทก์ยินยอมรับหนังสือแจ้งการประเมินและลงลายมือชื่อเป็นผู้รับไว้ด้วย ย่อมเป็นการเพียงพอที่จะฟังได้ว่ามีการส่งหนังสือดังกล่าวตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๓๘ ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามมาตรา ๘ แห่งประมวลรัษฎากรโดยชอบแล้ว ส่วนที่โจทก์อ้างว่าการส่งหนังสือแจ้งการประเมินตามมาตรา ๘ นี้ หมายถึงแจ้งให้เฉพาะบุคคลเสียภาษีเท่านั้น หาได้หมายความรวมถึงนิติบุคคลด้วยนั้น เห็นว่า คำว่า “บุคคล” นั้นย่อมหมายความรวมถึงบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลด้วย ดังนั้น เมื่อนายทนงผู้รับมอบอำนาจของโจทก์รับหนังสือแจ้งการประเมินจากเจ้าพนักงานสรรพากรของจำเลยแล้ว ก็ต้องถือว่าโจทก์ได้รับหนังสือแจ้งการประเมินให้ไปเสียภาษีตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๓๘ แล้ว หากโจทก์เห็นว่าหนังสือแจ้งการประเมินดังกล่าวไม่ถูกต้องและต้องการยื่นอุทธรณ์ก็ต้องยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ภายในกำหนด ๓๐ วัน นับแต่วันได้รับแจ้งการประเมินตามมาตรา ๓๐ แห่งประมวลรัษฎากร แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์เพิ่งยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๓๘ จึงเกินกำหนดเวลา ๓๐ วันแล้ว ที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ไม่รับคำอุทธรณ์ของโจทก์และศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share