แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในขณะที่โจทก์ฟ้อง อ. เป็นจำเลยนั้น อ. ได้ถึงแก่กรรม ไม่มีสภาพเป็นบุคคลตามกฎหมายแล้ว โจทก์จึงไม่อาจฟ้อง อ. เป็นจำเลยได้ การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องให้จำเลยอื่นซึ่งเป็นทายาทมารับผิดแทน อ. จึงไม่อาจกระทำได้ เพราะมิใช่เป็นการแก้ไขคำฟ้อง ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 179 โจทก์ชอบที่จะไปฟ้องร้องจำเลยอื่นนั้นในฐานะที่เป็นทายาทโดยธรรมของ อ. ได้ใหม่
ย่อยาว
คดีนี้เดิมโจทก์ฟ้องนายอารีย์ วีระพันธุ์ เป็นจำเลยที่ ๕ ร่วมกับจำเลยอื่นให้ชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืม ค้ำประกัน และจำนอง ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องฉบับใหม่เพิ่มเติมข้อความต่อจากคำฟ้องเดิมสรุปได้ความว่า เนื่องจากหนี้ของจำเลยที่ ๑ มีนายอารีย์ วีระพันธุ์ จำนองที่ดิน น.ส.๓ เลขที่ ๑๓๔๘/๑๖๔ ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันในวงเงิน ๗๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท แต่หลังจากจำนองแล้วนายอารีย์ได้ถึงแก่กรรม (ขณะนี้อยู่ระหว่างแบ่งมรดก) และจำเลยที่ ๓ ในฐานะบุตรทายาทโดยธรรมของผู้ตายได้รับโอนทรัพย์จำนองซึ่งเป็นมรดกของผู้ตายไป โจทก์จึงชอบที่จะบังคับจำนองที่ดินแปลงที่กล่าวนี้แก่จำเลยที่ ๓ ได้ อนึ่ง หลังจากวันฟ้อง จำเลยที่ ๒ ได้เลิกห้างหุ้นส่วนจำกัดโดยมีจำเลยที่ ๓ เป็นผู้ชำระบัญชีและจำเลยที่ ๓ จดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีโดยไม่ชำระหนี้ของจำเลยที่ ๒ แก่โจทก์ก่อน จำเลยที่ ๓ จะต้องรับผิดต่อโจทก์ และขอเพิ่มเติมคำขอท้ายฟ้องมาด้วย รายละเอียดตามคำร้องลงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๐ ของโจทก์ในสำนวน ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องของโจทก์ในรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๔๑ ว่า จำเลยที่ ๕ ถึงแก่กรรมก่อนฟ้อง ศาลจำหน่ายคดีไปแล้วเพราะโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง โจทก์จะขอแก้ไขฟ้องโดยให้จำเลยที่ ๓ ในฐานะทายาทของจำเลยที่ ๕ รับผิดแทนไม่ได้เพราะไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ส่วนจำเลยที่ ๒ เลิกห้างระหว่างพิจารณา โจทก์จะขอแก้ไขคำฟ้องโดยให้จำเลยที่ ๓ ในฐานะผู้ชำระบัญชีรับผิดแทนจำเลยที่ ๒ ไม่ได้ เพราะไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องของโจทก์ฉบับลงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๐ เฉพาะส่วนที่ขอให้จำเลยที่ ๓ ในฐานะผู้ชำระบัญชีของจำเลยที่ ๒ รับผิดชำระหนี้ของจำเลยที่ ๒ ต่อโจทก์ ตามข้อความในหน้า ๒ ย่อหน้า ๒ และคำขอท้ายฟ้องที่เพิ่มเป็นข้อ ๕ ไว้ แล้วดำเนินการต่อไป นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่งศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีประเด็นตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์จะขอแก้ไขคำฟ้องให้จำเลยที่ ๓ รับผิดในฐานะทายาทโดยธรรมของนายอารีย์ วีระพันธุ์ จำเลยที่ ๕ ได้หรือไม่ ซึ่งข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า นายอารีย์ วีระพันธุ์ จำเลยที่ ๕ ได้ถึงแก่กรรมก่อนที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ เห็นว่า ในขณะที่โจทก์ฟ้องนายอารีย์นั้น นายอารีย์ได้ถึงแก่กรรม ไม่มีสภาพเป็นบุคคลตามกฎหมายแล้ว โจทก์จึงไม่อาจฟ้องนายอารีย์ เป็นจำเลยที่ ๕ ได้ การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องให้จำเลยที่ ๓ ซึ่งเป็นทายาทของจำเลยที่ ๕ มารับผิดแทนจำเลยที่ ๕ ซึ่งโจทก์ไม่สามารถจะฟ้องร้องได้อยู่แล้ว จึงไม่อาจกระทำได้เพราะมิใช่เป็นการแก้ไขคำฟ้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๙ โจทก์ชอบที่จะไปฟ้องร้องจำเลยที่ ๓ ในฐานะที่เป็นทายาทโดยธรรมของจำเลยที่ ๕ ได้ใหม่ ที่ศาลล่างทั้งสองไม่อนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องในประเด็นนี้โดยยกคำร้องในส่วนนี้ จึงเป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.