คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 944/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 เป็นสหกรณ์จำกัดที่จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ มีวัตถุประสงค์ในการเดินรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสาร จำเลยที่ 2 ยอมให้จำเลยที่ 1 นำรถแท็กซี่ของตนวิ่งรับคนโดยสารโดยมีเครื่องหมายของจำเลยที่ 2 ติดไว้ที่ข้างรถทั้งสองข้าง แสดงให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 ในการวิ่งรับคนโดยสารตามวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 2 ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้เชิดให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของตน เมื่อจำเลยที่ 1ได้ขับรถแท็กซี่โดยประมาทชนรถยนต์โจทก์เสียหายอันเป็นการกระทำละเมิด จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในผลแห่งละเมิดด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นนิติบุคคลประเภทสหกรณ์บริการ ได้ขับรถโดยประมาทชนรถยนต์ของโจทก์ ทำให้รถยนต์โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน ๗๖,๖๘๓ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันละเมิดจนถึงวันฟ้องแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า จำเลยที่ ๑ มิได้เป็นตัวแทนหรือลูกจ้างของจำเลยที่ ๒จำเลยที่ ๒ เป็นสหกรณ์ในรูปบริการให้บุคคลภายนอกเช่ารถแท็กซี่รายวัน ได้รับผลตอบแทนในรูปค่าเช่า โจทก์เป็นฝ่ายประมาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินให้แก่โจทก์จำนวน๔๔,๐๘๓ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๒๙ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์มีตัวโจทก์เบิกความว่า รถแท็กซี่ที่จำเลยที่ ๑ ขับในวันเกิดเหตุมีเครื่องหมายของจำเลยที่ ๒ ติดไว้ที่ข้างรถทั้งสองข้าง จำเลยที่ ๑ ขับรถแท็กซี่คันดังกล่าวรับส่งคนโดยสารในทางการตัวแทนของจำเลยที่ ๒ เพื่อประโยชน์ของจำเลยทั้งสองร่วมกัน ปรากฏว่าจำเลยที่ ๒ เป็นสหกรณ์จำกัดที่จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์แล้ว มีวัตถุประสงค์ในการเดินรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสาร จำเลยที่ ๒ ยอมให้จำเลยที่ ๑ นำรถแท็กซี่ของตนออกวิ่งรับคนโดยสารโดยมีเครื่องหมายของจำเลยที่ ๒ ติดไว้ที่ข้างรถทั้งสองข้างแสดงให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่าจำเลยที่ ๑ เป็นตัวแทนของจำเลยที่ ๒ ในการวิ่งรับคนโดยสารตามวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ ๒ถือได้ว่าจำเลยที่ ๒ ได้เชิดให้จำเลยที่ ๑ เป็นตัวแทนของตน ที่จำเลยที่ ๒ ฎีกาว่า จำเลยที่ ๒ได้ให้จำเลยที่ ๑ เช่ารถแท็กซี่คันดังกล่าวไป จึงไม่น่าเชื่อ จำเลยที่ ๒ ต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกผู้สุจริตเสมือนว่าจำเลยที่ ๑ เป็นตัวแทนของตน เมื่อจำเลยที่ ๑ ได้ขับรถแท็กซี่โดยประมาทชนรถยนต์ของโจทก์เสียหาย อันเป็นการทำละเมิด จำเลยที่ ๒ จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ ในผลแห่งละเมิดด้วย
พิพากษายืน.

Share