คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1726/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์และ น.กับจำเลยได้ทำบันทึกข้อตกลงกันว่า ในวันทำสัญญาโจทก์มอบเงินจำนวน 1,000,000 บาท และ น.ออกเช็คสั่งจ่ายเงินจำนวน 5,000,000 บาท ให้จำเลยเป็นมัดจำ และมีข้อตกลงข้อ 4 ว่า หากธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค จำเลยยินดีคืนเงินจำนวน1,000,000 บาท ตามข้อ 1 ให้แก่โจทก์ และสัญญาจะซื้อจะขายที่ทำขึ้นตามข้อ 3 เป็นอันยกเลิก แต่เมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คจำเลยก็ไม่ได้คืนเงินจำนวน 1,000,000 บาทแก่โจทก์ และกลับมีการเพิ่มข้อตกลงเป็นข้อ 6 ว่า จำเลยได้รับเงินจำนวน 500,000 บาท จากโจทก์เพื่อเป็นการวางเงินเพิ่มตามข้อ 1 และตกลงขยายระยะเวลาตามข้อ 5 ออกไปเป็นวันที่ 27 กันยายน 2534 แสดงว่าโจทก์จำเลยได้ทำความตกลงเปลี่ยนแปลงเฉพาะเรื่องเพิ่มวงเงินที่โจทก์ได้วางตามข้อ 1 จาก 1,000,000 บาท เป็น1,500,000 บาท และขยายระยะเวลาจ่ายเงินร้อยละ 50 ของราคาที่ดินออกไปเป็นวันที่ 27 กันยายน 2534 เท่านั้น ส่วนข้อความอื่น ๆ ถือได้ว่าโจทก์จำเลยมีเจตนาให้มีผลผูกพันตามเดิม เมื่อถึงวันที่ 27 กันยายน 2534 โจทก์ไม่นำเงินอีกร้อยละ 50 ของราคาที่ดินที่ยังขาดอยู่มาชำระให้จำเลย จำเลยก็จะต้องคืนเงินจำนวน 1,000,000 บาท ที่ะบุไว้ในข้อ 4 และกรณีเช่นนี้เป็นเรื่องที่โจทก์เรียกทรัพย์คืนตามข้อตกลง มิใช่โจทก์เรียกให้จำเลยคืนทรัพย์ในลักษณะลาภมิควรได้

Share