แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อเท็จจริงได้ความจากคำพยานโจทก์แต่เพียงว่า เฮโรอีนของกลางเป็นของจำเลยเท่านั้น แต่โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานที่รู้เห็นเหตุการณ์หรือพยานแวดล้อมมานำสืบพิสูจน์ให้เห็นว่า จำเลยมีเฮโรอีนของกลางไว้เพื่อจำหน่ายให้แก่ใคร ที่ไหน และอย่างไร หลังจากถูกจับแล้วจำเลยก็ให้การรับสารภาพมาแต่แรกว่า จำเลยมีเฮโรอีนของกลางไว้เพื่อเสพ ตลอดจนเฮโรอีนของกลางก็มีน้ำหนักเพียง 9.90 กรัม จึงไม่ต้องด้วยข้อสันนิษฐานของกฎหมายตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง ดังนั้น พยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะฟังว่าจำเลยมีเฮโรอีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
ขณะถูกจับกุมจำเลยกำลังรอรับเงินตามเช็คจากธนาคารจำนวน 700,000 บาท ซึ่งเป็นการเบิกเงินสดจำนวนมาก ดังนั้น การที่จำเลยนำอาวุธปืนของกลางติดตัวไป ย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำที่มีเหตุอันสมควรเพราะเป็นการกระทำเพื่อป้องกันทรัพย์สินอันมีค่าของตน อีกทั้งอาวุธปืนของกลางเป็นอาวุธปืนของจำเลยซึ่งได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนให้มีไว้ในครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย และการพาอาวุธปืนของกลางติดตัวไปของจำเลย ก็เป็นการใส่ไว้ในกระเป๋าถืออย่างมิดชิดอีกด้วย จึงถือได้ว่าเป็นการพาไปโดยมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ การที่จำเลยพาอาวุธปืนของกลางติดตัวไปดังกล่าวจึงไม่มีความผิดต่อกฎหมาย