แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ยื่นฟ้องอุทธรณ์ว่า ตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยที่ 2ใช้ค่าขาดประโยชน์จากการใช้ทรัพย์เดือนละ 1,500 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบรถยนต์คืนหรือใช้ราคาแทน โจทก์ไม่เห็นพ้องด้วย ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าขาดประโยชน์จากการใช้ทรัพย์เป็นเดือนละ 4,500 บาทมิได้อุทธรณ์ว่าให้สิ้นสุดลงตั้งแต่เมื่อใด ส่วนจำเลยที่ 2 ไม่ยื่นอุทธรณ์ ประเด็นค่าขาดประโยชน์จากการใช้ทรัพย์ที่ศาลอุทธรณ์ควรจะวินิจฉัยก็คือสมควรจะให้จำเลยที่ 2 ชดใช้ในอัตราใดระหว่างตั้งแต่ 1,500 บาท ถึง 4,500 บาทแต่ไม่มีประเด็นให้วินิจฉัยเรื่องวันที่สิ้นสุดของการชดใช้ค่าขาดประโยชน์จากการใช้ทรัพย์ ต่อมาศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยว่า อัตราค่าชดใช้ที่โจทก์ขอมานั้นสูงเกินไปส่วนอัตราค่าชดใช้ที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้นั้นต่ำเกินไป จึงกำหนดให้จำเลยที่ 2ใช้ในอัตราเดือนละ 3,000 บาท ซึ่งเป็นประเด็นอยู่ในคำฟ้องอุทธรณ์จึงชอบแล้วแต่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยเพิ่มเติมต่อไปอีกว่า การที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยที่ 2ชดใช้ค่าขาดประโยชน์จากการใช้ทรัพย์นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยที่ 2 จะส่งมอบรถยนต์คืนหรือใช้ราคาแทนนั้นนานเกินไปเพราะมิได้กำหนดระยะเวลาไว้เห็นสมควรกำหนดให้ชดใช้ค่าขาดประโยชน์จากการใช้ทรัพย์นับจากวันฟ้องไปเพียงอีก 2 เดือน ข้อนี้เป็นการวินิจฉัยเกินจากคำฟ้องอุทธรณ์ เพราะไม่มีผู้ใดอุทธรณ์ประเด็นเรื่องวันที่ของการสิ้นสุดชดใช้ค่าขาดประโยชน์จากการใช้ทรัพย์ ทั้งมิใช่เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลอุทธรณ์จะยกขึ้นวินิจฉัยเองไม่ได้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อนี้จึงไม่ชอบ สมควรแก้ไขให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าขาดประโยชน์อันเกิดจากการใช้ทรัพย์นับจากวันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบรถยนต์คืนหรือใช้ราคาแทน