คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3080/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ยักยอกและฉ้อโกงเงินไปจากโจทก์เป็นจำนวน 1,560,375.45 บาท ขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ใช้คืนเงินแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย แต่พนักงานอัยการได้เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นคดีอาญาในข้อหายักยอกและฉ้อโกงโจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายไว้แล้ว โดยมีคำขอให้จำเลยที่ 1 คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ให้แก่โจทก์เป็นเงิน 1,226,172.15 บาท ซึ่งเป็นคำขอในส่วนแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาที่พนักงานอัยการฟ้องคดีแทนโจทก์ โจทก์จึงมีฐานะเป็นคู่ความ ในคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญานั้นด้วย เมื่อศาลในส่วนคดีอาญารับคำขอส่วนแพ่งดังกล่าวไว้พิจารณาแล้วย่อมมีผลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 173 วรรคสอง (1) จึงต้องห้ามมิให้โจทก์ยื่นคำฟ้องเรียกให้จำเลยที่ 1 รับผิดในเงินจำนวน 1,226,172.15 บาท ต่อศาลอีก จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อโจทก์ในจำนวนเงินส่วนที่เกินจากคำฟ้องในคดีอาญาเป็นเงิน 334,203.30 บาท เท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ ๑ ใช้เงิน ๑,๖๗๘,๖๘๖.๑๐ บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๑,๕๖๐,๓๗๕.๔๕ บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ ๑ ให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ใช้เงิน ๑,๕๖๐,๓๗๕.๔๕ บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ โดยให้จำเลยที่ ๒ ร่วมรับผิดเป็นเงิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย อัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๔๒) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงาน พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ยักยอกและฉ้อโกงไปจากโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยที่ ๑ ใช้คืนแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยนั้นพนักงานอัยการได้เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยที่ ๑ เป็นคดีอาญารวม ๓ คดี ในข้อหายักยอกและฉ้อโกงโจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายโดยมีคำขอให้จำเลยที่ ๑ คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ให้แก่โจทก์เป็นเงินรวม ๑,๒๒๖,๑๗๒.๑๕ บาท ซึ่งเป็นคำขอในส่วนแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาที่พนักงานอัยการฟ้องคดีแทนโจกท์ โจทก์จึงมีฐานะเป็นคู่ความในคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญานั้นด้วย เมื่อศาลในส่วนคดีอาญารับคำขอส่วนแพ่งดังกล่าวได้พิจารณาแล้วย่อมมีผลตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๑๗๓ วรรคสอง (๑) จึงต้องห้ามมิให้โจทก์ยื่นคำฟ้องเรียกให้จำเลยที่ ๑ รับผิดในเงินจำนวน ๑,๒๒๖,๑๗๒.๑๕ บาท ต่อศาลอีก แต่จำเลยที่ ๑ ต้องรับผิดในจำนวนเงิน ส่วนที่เกินจากคำฟ้องในคดีอาญา เป็นเงิน ๓๓๔,๒๐๓.๓๐ บาท เท่านั้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงินแก่โจทก์จำนวน ๓๓๔,๒๐๓.๓๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ .

Share