คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7616/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยที่ 4 มีกำหนด 1 ปี แต่โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี และคุมความประพฤติโดยกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของจำเลยที่ 4 ไว้ 1 ปี ต่อมาจำเลยที่ 4 ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้ลงโทษจำคุกที่รอไว้แก่จำเลยที่ 4 และศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 จึงเป็นอันถึงที่สุด ตาม พ.ร.บ. วิธีดำเนินการคุมความประพฤติตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2522 มาตรา 17 วรรคสอง จำเลยที่ 4 จะฎีกาต่อมาไม่ได้ แม้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำสั่งศาลชั้นต้นจะอนุญาตให้จำเลยที่ 4 ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงก็หาทำให้คดีของจำเลยที่ 4 ซึ่งถึงที่สุดแล้วเปลี่ยนแปลงเป็นไม่ถึงที่สุดไปได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยที่ ๔ ไม่ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติตามกำหนดนัด ทั้งยังไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษอีก เป็นการผิดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของจำเลยที่ ๔ จึงให้ลงโทษจำคุกที่รอไว้แก่จำเลยที่ ๔ มีกำหนด ๑ ปี
จำเลยที่ ๔ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๘ พิพากษายืน
จำเลยที่ ๔ ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำสั่งศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยแล้ว เห็นว่า คดีนี้ ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยที่ ๔ มีกำหนด ๑ ปี แต่โทษจำคุกให้รอการ ลงโทษไว้มีกำหนด ๒ ปี และคุมความประพฤติของจำเลยที่ ๔ ไว้ ๑ ปี ต่อมาจำเลยที่ ๔ ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ลงโทษจำคุกที่รอไว้แก่จำเลยที่ ๔ และศาลอุทธรณ์ภาค ๘ พิพากษายืน ดังนี้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๘ จึงเป็นอันถึงที่สุดตามพระราชบัญญัติดำเนินการคุมความประพฤติตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๗ วรรคสอง จำเลยที่ ๔ จะฎีกาต่อมาไม่ได้ แม้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำสั่งศาลชั้นต้นจะอนุญาตให้จำเลยที่ ๔ ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ก็ตาม ก็หาทำให้คดีของจำเลยที่ ๔ ซึ่งถึงที่สุดไปแล้วเปลี่ยนแปลงเป็นไม่ถึง ที่สุดไปได้ ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ ๔ มานั้นไม่ชอบ ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้
พิพากษายกฎีกาของจำเลยที่ ๔

Share