คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 811/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดร่วมกับคนอื่นรวม 6 ชื่อด้วยกัน เมื่อไม่ปรากฏการจดแจ้งในทะเบียนว่ามีส่วนได้น้อยกว่า 1 ใน 6 ก็ย่อมต้องสันนิษฐานตาม ป.พ.พ. ม. 1357 ว่าผู้เป็นเจ้าของร่วมมีส่วนเท่ากัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีกรรมสิทธิ์ ๑ ส่วนในโฉนดเลขที่ ๒๐๙ เนื้อที่ ๘ ไร่ ๑ งาน ๕๖ ตารางวา โดยรับมรดกนายห้องบิดาโจทก์ร่วมกับจำเลยทั้ง ๕ ผู้มีชื่อในโฉนดด้วยกันกับโจทก์แต่จำเลยขัดขวาง จึงขอให้ศาลแสดงว่าโจทก์มีกรรมสิทธิตามส่วนที่กล่าวแล้ว
จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์มีส่วนได้เพียง ๒ ไร่ ๒ งานเท่านั้น
ทางพิจารณาได้ความว่า เดิมโจกท์ถูกพวกทายาทฟ้องห้ามไม่ให้เกี่ยวข้องกับที่พิพาทอันกเป็นมรดกนี้ ศาลแพ่งวินิจฉัยว่า โจทก์มีส่วนอยู่ด้วยในมรดกนี้ จึงให้ยกฟ้องในคดีนั้นเสีย แต่ในคำพิพากษามิได้กล่าวชี้ขาดว่า โจทก์มีส่วนได้เพียง ๒ ไร่ ๒ งาน หรือเท่าใด ต่อมาจึงได้มีการจดทะเบียนรับมรดกที่ดินรายนี้ โจทก์มีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดร่วมกับจำเลยเป็น ๖ ชื่อด้วยกัน ไม่ปรากฏการจดแจ้งในทะเบียนว่า โจทก์มีส่วนได้น้อยกว่า ๑ ใน ๖
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าโจทก์จำเลยอื่นมีส่วนได้คนละเท่า ๆ กัน คือ ๑ ใน ๖ ในที่พิพาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ในคดีเดิมศาลแพ่งก็มิได้ชี้ขาดว่าส่วนของใครเท่าใด เมื่อมีการจดทะเบียนรับมรดกกันภายหลังมีชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดร่วมกับคนอื่นรวมกับจำเลยเป็น ๖ ชื่อด้วยกัน เมื่อไม่ปรากฏการจดแจ้งในทะเบียนว่ามีส่วนได้น้อยกว่า ๑ ใน ๖ ก็ย่อมต้องสันนิษฐานตาม ป.พ.พ. ม. ๑๓๕๗ ว่าผู้เป็นเจ้าของร่วมมีส่วนเท่ากัน จึงพิพากษายืน

Share