คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1737/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ให้เช่าฟ้องขอให้ผู้เช่าส่งมอบทรัพย์ที่เช่าคืน เพราะเลิกสัญญาเช่ากันแล้ว ผู้เช่าให้การว่าทรัพย์ที่เช่านั้น บุคคลภายนอกได้ยึดหน่วงไว้โดยอ้างว่า ผู้ให้เช่าค้างชำระค่าเช่า และทำของของเขาเสียหายจึงไม่สามารถส่งคืนได้ จึงขอให้เรียกบุคคลภายนอกนั้นเข้ามาเป็นจำเลยร่วมด้วยเช่นนี้ ศาลย่อมมีคำสั่งให้หมายเรียกบุคคลภายนอกนั้นเข้ามาเป็นจำเลยร่วมด้วยได้และเมื่อบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นจำเลยร่วมด้วยแล้ว ศาลก็ย่อมพิพากษาบังคับให้บุคคลภายนอกนั้นส่งมอบทรัพย์ที่เช่าแก่ผู้ให้เช่าได้ไม่เป็นการนอกคำขอท้ายฟ้องเพราะถือได้ว่าคำขอย่อมบังคับเอาแก่จำเลยทุกคนโดยร่วมกันและแทนกัน
เช่าทรัพย์เขามาโดยได้รับมอบทรัพย์ที่เช่ามาจากเขา แล้วครั้นเมื่อเลิกสัญญาเช่ากัน ไม่ส่งคืนทรัพย์ที่เขาแก่เขา กลับเอาไปมอบแก่บุคคลภายนอก ครั้นเขาทวงคืน จึงไปขอจากบุคคลภายนอก ๆ ไม่ยอมคืนให้ ดังตนชอบที่จะต้องจัดการเรียกคืนการครอบครองตามสิทธิของตน ถ้าไม่+ารดังกล่าวแล้ว จะอ้าง+เป็นเหตุสุดวิสัยในการชำระหนี้ ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า พระประสงค์เกษมราษฎร์เช่าเครื่องฉายภาพยนต์ของโจทก์ไปฉายหารายได้ แล้วไม่ชำระค่าเช่าและไม่ส่งคืน จึงขอให้ชำระค่าเช่าและส่งเครื่องคืน
พระประสงค์ ฯ จำเลยให้การต่อสู้ว่า เครื่องฉายที่เช่าไป นางสำเนียงเจ้าของโรงภาพยนต์ยึดหน่วงไว้ เนื่องจากโจทก์ค้างชำระค่าเช่าแก่นางสำเนียง และทำเครื่องฉายของนางสำเนียงเสียหาย พระประสงค์ ฯ จึงคืนให้โจทก์ไม่ได้ และได้ขอให้เรียกนางสำเนียงเข้ามาเป็นจำเลยร่วมด้วย ศาลอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้พระประสงค์ ฯ รับผิดต่อโจทก์ คดีส่วนตัวนางสำเนียงเห็นว่าไม่จำต้องวินิจฉัยแต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลแพ่งแล้วให้พิจารณาพิพากษาใหม่ ศาลแพ่งพิจารณาใหม่แล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงินแก่โจทก์ และคืนเครื่องฉายให้แก่โจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะที่เกี่ยวกับพระประสงค์จำเลยให้ยกฟ้อง คดีเฉพาะตัวนางสำเนียงจำเลยคงยืน
โจทก์และนางสำเนียงฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า กรณีที่เรียกว่านางสำเนียงเข้ามาเป็นจำเลยร่วมนั้น ก็เพราะพระประสงค์จำเลยให้การพาดพิงไปถึงนางสำเนียงว่าได้เป็นผู้ยึดถือทรัพย์สินของโจทก์ไว้ โดยอ้างว่ามีสิทธิครอบครองดีกว่าโจทก์ และจำเลยมีคำขอให้ศาลหมายเรียกนางสำเนียงเข้ามาเป็นจำเลยร่วม จึงเป็นการสมควรและถูกต้องแล้ว ที่ศาลจะมีคำสั่งให้เข้ามาเป็นจำเลยร่วม
ส่วนข้อที่ว่า ศาลพิพากษาเกินคำขอ เพราะคำขอท้ายฟ้องโจทก์ ไม่ประสงค์จะขอให้บังคับแก่นางสำเนียงจำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าก็เช่นเดียวกับที่กล่าวมาแล้ว เมื่อนางสำเนียงได้เข้ามาเป็นจำเลยร่วมแล้ว คำขอนั้นก็ย่อมบังคับเอาแก่จำเลยทุกคนโดยร่วมกันและแทนกันได้ ฯลฯ
ฎีกาของนางสำเนียงฟังไม่ขึ้น
สำหรับพระประสงค์ ฯ จำเลย ปรากฎว่าเมื่อเช่าทรัพย์พิพาทนั้น ก็ได้รับมอบจากผู้แทนโจทก์ แต่เมื่อเลิกการเช่าไม่ส่งมอบทรัพย์ที่เช่าคืนโจทก์ กลับส่งมอบให้แก่นางสำเนียง ครั้นเมื่อถูกโจทก์ทวงถาม ไปขอรับจากนางสำเนียง ๆ ไม่ยอมมอบทรัพย์ให้มา พระประสงค์ ฯ ก็ชอบที่จะต้องจัดการเรียกคืนการครอบครองตามสิทธิของตน แต่ก็ไม่ทำการอย่างใด เพียงแต่แจ้งให้โจทก์ทราบ จึงไม่เป็นเหตุสุดวิสัยอย่างใดในการชำระหนี้ อันจะยกขึ้นต่อสู้โจทก์ได้
จึงพิพากษาแก้ ให้พระประสงค์ ฯ จำเลยมีหน้าที่ต้องส่งเครื่องฉายพิพาทแก่โจทก์ด้วย ฯลฯ

Share