คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 660/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีแพ่งซึ่งเป็นคู่ความตั้งประเด็นท้ากันเป็นข้อแพ้ชนะ โดยยืนยันไม่สืบพยาน นั้น แม้ตามสำนวนไม่ปรากฏคำพยานหลักฐานอันสมบูรณ์ก็ตาม ศาลก็ชอบที่จะพิจารณาพิพากษาไปตามพยานหลักฐานเท่าที่ปรากฎเท่านั้น

ย่อยาว

คดีทั้งสามสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นรวมพิจารณาพิพากษา โดยโจทก์ฟ้องทำนองเดียวกันว่า จำเลยกับพวกใช้อุบายชักชวนให้เป็นสมาชิกสมาคมสงเคราะห์ฌาปนกิจ โจทก์ได้เสียเงินให้ไปแล้ว ต่อมาจำเลยถูกจับกุมและศาลพิพากษาลงโทษฐานตั้งสมาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยจึงเลิกกิจการสงเคราะห์ฌาปนกิจ โจทก์ขอรับเงินคือ จำเลยไม่ยอมชำระ ขอให้ศาลบังคับ
จำเลยทั้งสามสำนวนให้การปฏิเสธ
ก่อนสืบพยาน คู่ความแถลงรับในข้อเท็จจริงและท ้ากันประเด็นพิพาท
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน พิพากษาให้ยกฟ้อง โจทก์ทั้งสามสำนวน
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายก ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้ว พิพากษาใหม่ ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ไม่ว่าจะวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นข้อ ๑ หรือข้อ ๒ ที่คู่ความตั้งประเด็นท้ากันเป็นข้อแพ้ชนะ จำเป็นต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงเรื่องเงินที่โจทก์ชำระให้จำเลยไปว่าเป็นการอุทิศสละให้เพื่อการกุศลหรือไม่ ความปรากฏในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นว่า คู่ความต่างเห็นชอบด้วยในข้อที่ศาล่ชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน และยังปรากฏในรายงานกระบวนพิจารณาต่อมาว่า คู่ความยืนยันรับรองไม่สืบพยานบุคคล เมื่อคู่ความตั้งประเด็นท้ากันเป็นข้อแพ้ชนะและไม่ติดใจสืบพยานดังนี้ แม้ตามสำนวนไม่ปรากฏคำพยานหลักฐานหรือคำรับรองของคู่ความอันสมบูรณ์ตามที่ควรปรากฏก็ตาม ศาลอุทธรณ์ก็ไม่มีอำนาจที่จะสั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปให้สิ้นกระแสความแล้วพิพากษาใหม่ ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะพิจารณาพิพากษาไปตามพยานหลักฐานเท่าที่ปรากฏ แต่ศาลอุทธรณ์ยังมิได้พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share