คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 804/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

อาวุธปืนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองผิดกฎหมาย แต่จำเลยได้ขว้างทิ้งลงแม่น้ำก่อนได้ตัวจำเลยมาสอบสวนศาลย่อมไม่สั่งริบตามที่โจทก์ขอให้ริบ และกรณ๊เช่นนี้โจทก์ก็จะขอบังคับให้จำเลยส่งปืนของกลางภายในกำหนดหรือให้จำเลยชำระราคาปืนของกลางตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 37 ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนและกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต แต่อาวุธปืนของกลางนั้นจำเลยได้ขว้างทิ้งลงในแม่น้ำน้อยก่อนได้ตัวจำเลย ๑ วัน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗,๗๒ และขอให้ริบของกลาง ให้จำเลยส่งอาวุธปืนซึ่งศาลต้องริบภายในเวลาที่ศาลกำหนดหรือสั่งให้จำเลยชำระราคาอาวุธปืนของกลาง และขอให้นับโทษต่อ
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามฟ้องส่วนปืนของกลางเมื่อปรากฎว่าสูญหาย จึงสั่งไม่ริบ
โจทก์อุทธรณ์ในเรื่องปืนของกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕ บัญญัติว่าทรัพย์สินซึ่งศาลพิพากษาให้ริบให้ตกเป็นของแผ่นดินซึ่งหมายความว่า ทรัพย์สินที่สั่งริบนั้นมีตัวตนอยู่ที่จะพึงตกเป็นทรัพย์ของแผ่นดินต่อไปได้ แต่อาวุธปืนในคดีนี้ปรากฎว่าจำเลยทิ้งลงในแม่น้ำเสีย ไม่แน่จะได้มาตกเป็นของแผ่นดิน ดังนั้น เมื่อทรัพย์สินยังไม่อยู่ในสภาพที่แผ่นดินจะยึดถือเป็นเจ้าของได้แล้ว ศาลจะสั่งริบเผื่อ ๆ เอาไว้ก่อนได้อย่างไร เพราะถ้าศาลสั่งริบแล้ว แต่รัพย์สินนั้นไม่สามารถตกเป็นของแผ่นดินได้ ก็จะเป็นการไม่ตรงกับความจริงไป
ส่วนที่โจทก์ขอให้จำเลยชดใช้ราคาปืนนั้น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๗ บัญญัติว่า ที่จะสั่งให้จำเลยส่งปืนภายในกำหนดหรือใช้ราคาได้ ก็ต้องปรากฎว่า ศาลได้สั่งให้ริบพรัพย์นั้นแล้ว เมื่อจำเลยไม่ส่งทรัพย์ที่ถูกริบให้ จึงจะใช้วิธีการบังคับให้ยึดทรัพย์หรือใช้ราคาแทนได้ แต่กรณีนี้ ศาลไม่ได้สั่งริบอาวุธปืน ย่อมใช้ความในมาตรา ๓๗ มาบังคัดแก่จำเลยไม่ได้ พิพากษายืน

Share