คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1537/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สามีเช่าเคหะ เมื่อสามีตาย ภริยาซึ่งอยู่ร่วมกันเช่าเป็นเคหะต่อไปดังนี้ เมือบุตรเลี้ยงซึ่งเป็นผู้อาศัยแสดงตนเป็นปฏิปักษ์ต่อการครอบครองเคหะ ภริยาหรือมารดาเลี้ยงนั้นฟ้องขับไล่ได้
ข้ออ้างที่ว่าโจทก์มิได้บอกกล่าวเลิกสิทธิอาศัยก่อนฟ้องจึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น ไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อจำเลยมิได้อ้างไว้ในศาลชั้นต้น จึงมาอ้างในชั้นอุทธรณ์ไม่ได้
สิทธิการเช่าเป็นสิทธิเฉพาะตัว เมื่อผู้เช่าตายก็ย่อมระงับไปไม่เป็นมรดกตกทอดไปยังทายาท.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้เช่าตึกแถว จำเลยขออาศัยโจทก์อยู่ จำเลยแสดงตนเป็นปรปักษ์ต่อสิทธิการครอบครองของโจทก์ จึงฟ้องขอให้บังคับจำเลยออกไป
จำเลยให้การว่าบิดาจำเลยเป็นผู้เช่าตึกแถวนี้โจทก์ซึ่งเป็นมารดาเลี้ยของจำเลยและตัวจำเลยยังมีสิทธิร่วมกัน โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลจังหวัดฉะเชิงเทราฟังว่า โจทก์เช่าตึกนี้เป็นส่วนตัวต่อจากผู้เช่าเดิมตาย จำเลยเป็นแต่ผู้อาศัยพิพากษาให้จำเลยออกจากตึก
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
๑. ที่จำเลยว่าโจทก์ไม่บอกกล่าวเลิกสิทธิอาศัยก่อนฟ้องจึงไม่มีอำนาจฟ้อง นั้น ปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อจำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวไว้ในศาลชั้นต้น จำเลยจะยกขึ้นมาว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ไม่ได้
๒. ที่จำเลยว่าสิทธิการเช่าตึกแถวพิพาทเป็นมำดกของบิดาจำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าสิทธิการเช่าเป็นสิทธิเฉพาะตัว เมื่อบิดาจำเลยตาย การเช่าก็ระงับ หาเป็นทรัพย์สินเป็นมรดกตกทอดไปยังทายาทไม่ โจทก์เป็นผู้เช่าต่อมาจึงเป็นสิทธิส่วนตัวของโจทก์
จึงพิพากษายืน.

Share