คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1272/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอมีหน้าที่รับเรื่องราวจดทะเบียน ทำนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินของราษฎร ได้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการทำนิติกรรมซื้อขายที่ดินจากผู้ขายเกินกว่าจำนวนที่กฎหมายกำหนดและยึดเอาส่วนเกินไว้ เงินส่วนเกินไม่ใช่เป็นเงินของทางราชการหรือของรัฐบาล จึงไม่ใช่ทรัพย์ตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147
ฉะนั้น การที่จำเลยเรียกเก็บค่าธรรมเนียม (แม้จะเกินกว่ากฎหมายกำหนด) ก็ดี การทำนิติกรรมการซื้อขายที่ดินก็ดี จึงไม่ใช่เป็นการกระทำหรือเบียดบังต่อทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จดทะเบียนทำนิติกรรมการซื้อขายที่ดินและตรวจรับเงินซื้อขาย ได้เบียดบังเงินค่าซื้อขายโดยสุจริตและมิชอบด้วยกฎหมาย และจำเลยที่ ๑ ร่วมกับจำเลยที่ ๒ ทำและใช้เอกสารสิทธิปลอม ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓,๑๔๗,๒๖๔,๒๖๕,๒๖๘ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.๒๕๐๒ (ฉบับที่ ๒) มาตรา ๓ กับให้จำเลยคืนหริอใช้เงิน และริบเอกสารสิทธิปลอม จำเลยที่ ๑ รับว่าเป็นเจ้าพนักงานตามฟ้อง แต่ต่สู้ว่าไม่ได้กระทำผิด จำเลยที่ ๒ ให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาทั้งในปัญหาข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง โดยผู้พิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งพิจารณาพิพากษาคดีนี้รับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยที่ ๑ หักเงินไว้จากฝ่ายผู้ขายที่ดิน ๗,๒๐๐ บาท เป็นค่าธรรมเนียมในการซื้อขายที่ดิน ๑,๒๕๖ บาท ค่าธรรมเนียมอื่นรวมทั้ง ค่าอากรแสตมป์และค่าพยานอีก ๓๐๐ บาท เศษ เงินส่วนที่เหลือจำเลยยึดไว้ ปรากฎตามฟ้องว่ามีจำนวน ๕,๙๔๔ บาท ฉะนั้น เงินส่วนที่เหลือย่อมไม่ใช่เป็นเงินของทางราชการหรือของรัฐบาล แต่เป็นของผู้ขายที่ดิน จึงไม่เป็นทรัพย์ตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๔๗ ทั้งการที่จำเลยเรียกเก็บค่าธรรมเนียม (แม้จะเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด) ก็ดี การทำนิติกรรมซื้อขายที่ดินก็ดี ก็ไม่ใช่เป็นการกระทำหรือเบียดบังต่อทรัพย์ที่จำเลยมีหน้าที่ ซื้อ ทำจัดการหรือรักษา ตามที่ได้วินิจฉัยมาแล้ว ส่วนข้อหาทำและใช้เอกสารสิทธิปลอมข้อเท็จจริงไม่พอฟังว่าจำเลยผิด พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์

Share