คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 343/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มารดาผู้เป็นเจ้าของที่ดินร่วมกับบุตร ปล่อยให้บุตรไปประกาศรับมรดกที่ดินนี้แต่ผู้เดียว จนเจ้าพนังกานจดทะเบียนไว้แล้ว มารดาก็ทราบ ต่อมาบุตรตกลงขายที่ดินให้บุคคลอื่น มารดาก็รู้เห็นอยู่ด้วย จนยินยอมเอาเงินที่ได้รับจากผู้ซื้อมาไถ่ถอนการขายฝากที่ดินนี้ แม้ภายหลังจะกลับใจโดยมารดาเอาที่ดินไปประกาศขายแก่คนอื่นเสีย แต่เมื่อบุตรคัดค้านและอำเภอสั่งให้มารดาฟ้อง มารดาก็ไม่ฟ้อง จนต่อมาบุตรได้ประกาศขายให้ผู้ซื้อมารดาก็ไม่คัดค้านอย่างไรอีกจนอำเภอจดทะเบียนทำสัญญาซื้อขายให้กันเสร็จไปแล้ว ดังนี้ย่อมถือได้ว่า พฤติการณ์และการกระทำของมารดาทำให้ผู้ซื้อเชื่อโดยสุจริตว่ามารดาคงไม่เกี่ยวข้องกับที่พิพาท ยอมให้บุตรขายได้แล้ว ผู้ซื้อจึงรับซื้อและชำระราคาไป มารดาจะกลับมาฟ้องขอให้ทำลายสัญญาซื้อขายดังกล่าวไม่ได้ เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องอ้างว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินพิพาทจำเลยที่ ๑ ผู้เป็นบุตรได้เอาที่ดินแปลงพิพาทไปทำสัญญาขายให้จำเลยที่ ๒ จึงขอให้ศาลพิพากษาทำลายหนังสือสัญญาซื้อขายนี้และขอให้แสดงว่าที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิของโจทก์แต่ผู้เดียว
จำเลยที่ ๑ ต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของบิดา ๆ ยกให้จำเลยที่ ๑ การซื้อขายระหว่างจำเลยที่ ๑-๒ เป็นไปโดยสุจริต
ศาลชั้นต้นเห็นว่า การซื้อขายระหว่างจำเลยไม่สุจริต จึงพิพากษาให้ทำลายหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินรายพิพาท คำขอนอกนี้ให้ยก
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า โจทก์จำเลยที่ ๑ มีสิทธิเป็นเจ้าของร่วมที่ดินพิพาท จำเลยที่ ๒ รับซื้อไว้โดยสุจริต โจทก์จะขอให้เพิกถอนทำลายสัญญาซื้อขายไม่ได้ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่พิพาทนี้เดิมโจทก์และนายช้อยสามีโก่นสร้างมา นายช้อนวายชนม์ จึงตกได้แก่โจทก์ และจำเลยที่ ๑ ผู้เป็นบุตร แต่โจทก์ปล่อยให้จำเลยที่ ๑ ประกาศรับมรดกแต่ผู้เดียว จนเจ้าพนักงานได้จดทะเบียนไว้แล้ว ซึ่งโจทก์ก็รับว่าได้ทราบ และต่อมาจำเลยที่ ๑ ตกลงขายให้จำเลยที่ ๒ โจทก์ก็ได้รู้เห็นด้วย ตลอดจนยินยอมเอาเงินที่ได้รับจากจำเลยที่ ๒ มาไถ่ถอนการขายฝาก แม้โจทก์จะกลับใจไม่ยอมขาย โดยโจทก์ประกาศขายให้ขุนบำรุง ฯ เสียก็ตาม แต่เมื่อจำเลยที่ ๑ คัดค้านและอำเภอสั่งให้โจทก์ฟ้อง โจทก์ก็ไม่ฟ้อง ต่อมาจำเลยที่ ๑ ประกาศขายให้จำเลยที่ ๒ โจทก์ทราบแต่ไม่คัดค้านอีก จนอำเภอจดทะเบียนทำสัญญาซื้อขายให้กันเสร็จไปแล้ว ดังนี้ พฤติการณ์และการกระทำของโจทก์ทำให้จำเลยที่ ๒ เชื่อโดยสุจริตว่า โจทก์คงไม่เกี่ยวข้องกับที่พิพาท ยอมให้จำเลยที่ ๑ ขายได้ แล้วจำเลยที่ ๒ จึงรับซื้อและชำระราคาไปแล้ว โจทก์จะกลับมาฟ้องขอให้ทำลายสัญญาซื้อขายดังฟ้องหาได้ไม่ เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต จึงพิพากษายืน

Share