แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
มารดาต้องรับผิดฐานละเมิดร่วมกับผู้เยาว์ด้วย  เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแล
มารดาเห็นบุตรถือปืน  จึงว่ากล่าวตักเตือนบุตรไม่เชื่อฟัง  กลับเอาปืนไปซ่อนเสีย  พอลับหลังมารดาก็เอาปืนมาเล่นอีก  ถือว่า  การว่ากล่าวตักเตือนของมารดาเพียงเท่านี้ หาเพียงพอกับการที่จะต้องใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลของตนในฐานะเป็นมารดาไม่ มารดาจึงต้องร่วมรับผิดในการที่บุตรประมาทเลินเล่อเอาปืนยิงผู้อื่นตาย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ ๑  ฐานประมาทเลินเล่อใช้ปืนยิงบุตรโจทก์ตาย  และฟ้องขอให้จำเลยที่ ๒  และที่ ๓  ร่วมรับผิดในฐานะเป็นบิดามารดาของจำเลยที่ ๑  ซึ่งมีอายุ ๑๗ ปี  อยู่ในความปกครองของจำเลยทั้งสอง
จำเลยที่ ๑  ให้การรับว่า  ได้ทำให้บุตรโจทก์ตายจริง
จำเลยที่ ๒ และที่ ๓  ให้การปฏิเสธความรับผิด
จำเลยทั้งสามให้การต้องกันต่อสู้ในเรื่องค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้อง
ในชั้นพิจารณา  คู่ความรับกันในเรื่องค่าเสียหาย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เฉพาะจำเลยที่ ๒ ได้ความว่า  ไม่เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ ๑ จึงให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๓ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า  จำเลยที่ ๓ ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแล จำเลยที่ ๑ แล้ว  จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๓
โจทก์ฎีกาขอให้จำเลยที่ ๓ ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า  จำเลยที่ ๑ อายุ ๑๗ ปี เป็นบุตรอยู่ในความปกครองของจำเลยที่ ๓ ซึ่งเป็นมารดา  ได้ยิงปืนแก๊ปโดยประมาท  เป็นเหตุให้บุตรโจทก์ตาย  ปัญหาว่า จำเลยที่ ๓ ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลของตนในฐานะเป็นมารดาจำเลยที่ ๑เพียงใดนั้น  ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า  การที่จำเลยที่ ๓ เห็นจำเลยที่ ๑ ถือปืน จำเลยที่ ๓ ก็ว่ากล่าวตักเตือน จำเลยที่ ๑ ไม่เชื่อฟัง  กลับเอาปืนไปซ่อนเสีย  พอลับหลังจำเลยที่ ๑ ก็เอาปืนมาเล่นอีกเช่นนี้นั้น  ถือว่า การว่ากล่าวตักเตือนของจำเลยที่ ๓  หาเพียงพอกับการที่จะต้องใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลของตน  ในฐานะเป็นมารดาจำเลยที่ ๑  ซึ่งมีปืนอันเป็นอาวุธที่ร้ายแรงไว้ในความครอบครองไม่  จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์  ให้บังคับคดีไปตามศาลชั้นต้น.

