แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยซื้อห้องแถวพิพาทของผู้อื่นซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินของโจทก์ได้จากการขายทอดตลาด ตามคำสั่งศาล หากมีสัญญาเช่าระหว่างผู้ร้องกับเจ้าของห้องแถวนี้ก่อนจำเลยซื้อ ก็ไม่มีผลผูกพันโจทก์แต่อย่างใด และก่อนที่จำเลยจะรื้อห้องแถวไป ผู้ร้องยังอยู่ในห้องแถวได้ ก็ต้องถือว่าอยู่โดยอาศัยอำนาจของจำเลยผู้ซื้อห้องแถวนั้นมาได้ เมื่อผู้ร้องไม่สามารถแสดงอำนาจพิเศษ ที่ดีกว่า อำนาจของจำเลยให้ศาลเห็นได้ ก็ต้องออกจากห้องเช่าไปตามสัญญาประนีประนอมที่จำเลยตกลงไว้กับโจทก์
ย่อยาว
คดีนี้ ศาลพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งจำเลยและบริวารยอมออกจากที่ดินและยอมรื้อถอนห้องแถวออกจากที่ดินของโจทก์ ต่อมาโจทก์ขอให้ศาลบังคับบริวารของจำเลย ซึ่งไม่ยอมออกจากที่ดินตามคำบังคับของศาล ผู้ร้องร้องว่า ไม่ใช่บริวารของจำเลย แต่ได้อาศัยอยู่ในห้องพิพาทมา ๒๐ ปี โดยเช่าจากเจ้าของห้องเป็นทอด ๆ มา จำเลยซื้อห้องแถวโดยรู้ว่าผู้ร้องได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันฯ
ศาลชั้นต้นสอบแล้ว มีคำสั่งให้ผู้ร้องออกจากที่พิพาท
ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน ส่วนจำเลยเป็นผู้ซื้อห้องแถวที่พิพาทจากการขาดทอดตลาดตามคำสั่งศาล ห้องถวนี้เป็นของผู้อื่นไม่ใช่ของโจทก์ สัญญาเช่าระหว่างผู้ร้องกับเจ้าของห้องแถวก่อนจำเลยไม่มีผลผูกพันโจทก์แต่อย่างใด ก่อนที่จำเลยจะรื้อห้องแถวไป ผู้ร้องยังอยู่ในห้องแถวได้ ก็ต้องถือว่าอยู่โดยอาศัยอำนาจของจำเลยผู้ซื้อห้องแถวนั้นมาได้ และผู้ร้องก็ไม่สามารถแสดงอำนาจพิเศษที่ดีกว่าอำนาจของจำเลยให้ศาลเห็นได้
พิพากษายืน