แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีก่อนโจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากเรือนหลังพิพาท อ้างว่าเรือนพิพาทเป็นของโจทก์ คดีถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า เรือนหลังพิพาทเป็นของจำเลย โจทก์ขอให้ขับไล่จำเลย ออกจากเรือนหลังพิพาทไม่ได้ โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องใหม่ว่าเรือนหลังพิพาทเป็นของจำเลยได้ ปลูกอยู่ในที่ดินของโจทก์ โดยไม่มีสิทธิขอให้รื้อถอนเรือนหลังนี้ไป ดังนี้ประเด็นที่จะวินิจฉัยไม่ได้อาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ย่อยาว
ข้อเท็จจริงได้ความว่า คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยว่าเรือนไม้เลขสำมะโนครัวที่ ๑๒/๖ รวม ๒๓ ห้องเป็นของโจทก์ ขอให้ศาลขับไล่จำเลยและบริวารออกจากเรือนหลังนี้ คดีถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าเรือนไม้หลักนี้จำเลยซื้อจากการขายทอดตลาดเป็นของจำเลย โจทก์ฟ้องให้ขับไล่จำเลยออกจากเรือนหลังนี้ไม่ได้โจทก์จึงฟ้องเป็นคดีใหม่ว่าเรือนหลังนี้เป็นของจำเลยปลูกอยู่ในที่ดินของโจทก์โดยไม่มีสิทธิ ขอให้จำเลยรื้อถอนเรือนหลังนี้ไป
่จำเลยตัดฟ้องว่าเป็นฟ้องซ้ำ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าไม่เป็นฟ้องซ้ำ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัย ว่า คดีแดงที่ ๒๔๔๔/๒๕๐๐ ของศาลแพ่งนั้น โจทก์ว่าเรือนไม้เลจสำมะโนครัวที่ ๑๒/๖ รวม ๒๓ ห้อง เป็นของโจทก์ ให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากเรือนหลังนี้ แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าเรือนหลังนี้ เป็นของจำเลยแต่มาปลูกอยู่ในที่ดินของโจทก์โดยไม่มีสิทธิ ขอให้จำเลย รื้อถอนเรือนนี้ไปประเด็นที่วินิจฉัยไม่ได้อาศํยเหตุอย่างเดียวกัน ฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นการฟ้องซ้ำ พิพากษายืน