คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 919/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดินซึ่งจำเลยที่ 1 ลูกหนี้โจทก์ได้โอนขายให้แก่จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 ได้รู้เท่าถึงข้อความจริงอันเป็นทางให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ ฟ้องเช่นนี้เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกอันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ เพราะคำขอของโจทก์ไม่ได้เรียกร้องเอกที่พิพาทมาเป็นของโจทก์ หรือขอให้โจทก์ได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด เพราะผลของการที่โจทกืขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลมีแต่เพียงให้ทรัพย์สินกลับคืนมาเป็นของลูกหนี้ตามเดิมเท่านั้น.
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 14/2508)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ กู้เงินโจทก์ไป ๓๐,๐๐๐ บาท และได้นำหนังสือสำคัญที่ดิน(ใบแทนแบบหมายเลข ๓) ให้โจทก์ยึดถือเป็นประกัน หนี้ถึงกำหนดชำระแล้ว จำเลยที่ ๑ ไม่ได้ชำระ และได้โอนขายที่ดินซึ่งเป็นหลักประกันหนี้แก่จำเลยที่ ๒ ไปราคา ๓๐,๐๐๐ บาท จำเลยที่ ๒ ก็รู้ว่าจำเลยที่ ๑ ได้เอาที่ดินแปลงนี้ประกันหนี้แก่โจทก์ และยังมิได้ชำระหนี้ ขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายระหว่างจำเลยทั้งสองเสีย
จำเลยทั้งสองต่อสู้ว่า ฟ้องโจทกืเคลือบคลุมและขาดอายุความ การซื้อขายที่ดินรายนี้กระทำกันโดยสุจริตและเปิดเผยในราคาพอสมควร จำเลยที่ ๑ ยังมีทรัพย์สินพอแก่การชำระหนี้โจทก์ โจทก์ไม่ได้เสียเปรียบ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์สืบไม่สมฟ้อง พิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ว่า โจทก์ควรเป็นฝ่ายชนะคดี คดีของโจทก์เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ศาลชั้นต้นไม่ชอบที่จะเรียกค่าธรรมเนียมอย่างคดีมีทุนทรัพย์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน และเห็นว่าศาลชั้นต้นเรียกเก็บค่าธรรมเนียมถูกต้องแล้ว เพราะฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่คำนวณเป็นราคาเงินได้
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์นำสืบไม่ได้ว่าขณะทำนิติกรรมซื้อขายที่พิพาท จำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นผู้ได้ลาภงอก ได้รู้เท่าถึงข้อความจริงอันเป็นทางให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ โจทก์จึงไม่อาจขอให้เพิกถอนนิติกรรมรายนี้ได้
ส่วนข้อที่โจทก์ฎีกาโต้เถียงว่า คดีนี้เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ไม่ชอบที่จะให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลเป็นคดีมีทุนทรัพย์นั้น ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า คดีนี้ คำขอของโจทก์ไม่ได้เรียกร้องเอกที่พิพาทมาเป็นของโจทกื หรือขอให้โจทก์ได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นอย่างไร เพราะผลของการที่โจทก์ขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลมีแต่เพียงให้ทรัพย์สินกลับคืนมาเป็นของลูกหนี้ตามเดิมเท่านั้น จึงถือไม่ได้ว่าเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำรวณเป็นราคาเงินได้ โจทก์ไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีมีทุนทรัพย์
จึงพิพากษายืน แต่สำหรับค่าฤชาธรรมเนียมให้คืนค่าขึ้นศาลที่โจทก์เสียมาอย่างคดีมีทุนทรัพย์ คงเรียกไว้แต่อย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ทั้งสามศาล และให้โจทก์เสียค่าทนายความสามศาลสี่ร้อยบาทแทนจำเลยทั้งสอง.

Share