คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 210/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯมาตรา 9 บัญญัติให้วินิจฉัยสั่งคำร้องขอเข้าอยู่ในห้องเช่าภายใน 45 วันนั้นเป็นระเบียบเกี่ยวกับแก่การปฏิบัติของคณะกรรมการ ฯ และประสงค์จะเร่งให้คณะกรรมการฯ ดำเนินงานมิให้ชักช้าเท่านั้น จะถือเป็นผลบังคับว่า หากวินิจฉัยช้าไปจะทำให้คำวินิจฉัยนั้นเป็นโมฆะไม่ได้
การที่อ้างว่าคณะกรรมการไม่รับฟังพยานจำเลยที่จะขอสืบว่าโจทก์มีที่อยู่ถึง 3 แห่ง ไม่มีความจำเป็นที่เข้าอยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการควบคุมค่าเช่า ฯลฯที่จะใช้ดุลยพินิจในการที่จะรับฟังหรือไม่ จะมาขอให้ศาลวินิจฉัยหรือเพิกถอนมติของคณะกรรมการในเรื่องนี้ไม่ได้

ย่อยาว

คดีนี้ จำเลยฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ซึ่งพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ขึ้นมาว่า การที่คณะกรรมการควบคุมค่าเช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ มิได้วินิจฉัยสั่งคำร้องของโจทก์ที่ร้องขอเข้ามาอยุ่ในห้องซึ่งจำเลยเช่าอยู่ภายใน ๔๕ วัน ตามความในมาตรา ๙ แห่ง พ.ร.บ.ที่กล่าว จะถือว่าคำสั่งนั้นเป็นโมฆะหรือไม่
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯมาตรา ๙ บัญญัติให้วินิจฉัยสั่งภายใน ๔๕ วันนั้น เป็นระเบียบเกี่ยวกับแก่การปฏิบัติของคณะกรรมการ และประสงค์จะเร่งให้คณะกรรมการดำเนินงานมิให้ชักช้าเท่านั้น จะถือว่าเป็นผลบังคับว่า หากวินิจฉัยช้าไปจะทำให้คำวินิจฉัยนั้นเป็นโมฆะไม่ได้
ส่วนฎีกาที่ว่า คณะกรรมการไม่รับฟังพยานจำเลยที่จะขอสืบว่า โจทก์มีที่อยู่ถึง ๓ แห่ง ไม่มีความจำเป็นที่เข้าอยู่ในห้องพิพาทนั้น ก็ปรึกษาเห็นว่า เรื่องเช่นนี้ตามปกติเป็นเรื่องอยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการที่จะใช้ดุลยพินิจในการที่จะรับฟังหรือไม่ ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น ศาลอุทธรณ์พิพากษามาชอบแล้ว จึงพิพากษายืน

Share