คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1954/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อหนังสือตั้งตัวแ+นไม่มีข้อความจำกัดอำนาจตัวแทนไว้ว่าให้มีอำนาจเฉพาะการจึงเป็นหนังสือมอบอำนาจทั้วไป ตัวแทนมีอำนาจจัดการแทนตัวการได้ทุกอย่าง
แม้มีข้อบังคับของบริษัทกำหนดว่าต้องมีกรรมการลงชื่อร่วมกัน 2 นายและประทับตราบริษัทจึงจะผูกพันบริษัทและปรากฎว่า+4การของบริษัทแต่นายเดียวลงชื่อแต่งตั้งตัวแทนภายหลังเจ้าพนักงานับจดทะเบียนแล้ว แต่ตัวแทนของบริษัทได้ทำสัญญาซื้อขายและจ้างเหมาแรงงานกับโจทก์ก่อนประกาศโฆษณาในราชกิจจานุเบกษา ดังนี้จำเลยจะถือเอาประโยชน์จากข้อความที่ต้องลงทะเบียน+

ย่อยาว

คดีนี้ สำนวนนี้ศาลชั้นต้นได้รวมพิจารณาและพิพากษา
คำฟ้องที่ต้องกันทุกสำนวนมีสารสำคัญว่าจำเลยที่ ๑ ได้รับเหมาปลูกสร้างโรงรถยนตร์ และคลังอาวุธของราชการทหารที่จังหวัดลำปาง จำเลยที่ ๑ ได้ตั้งให้จำเลยที่ ๒ เป็นตัวแทนจัดการทุกสิ่งเกี่ยวแก่การก่อสร้างนี้ จำเลยที่ ๒ ได้ตกลงซื้อเครื่องอุปกรณ์จากโจทก์แต่ละรายคือยังคงต้นชำระ จึงฟ้อง
๑. ซื้อไม้แปรรูปจากนางสาวทองคำรวม ๘ ครั้ง จำเลยที่ ๒ ชำระครั้งหนึ่งแล้ว คงค้างอีก ๑๐,๙๓๗ บาท
๒. จำเลยที่ ๒ ได้จ้างเหมาะแรงงานให้นายอ้ายจัดหาแรงงานปลูกสร้าง จำเลยที่ ๒ จ่ายบ้างแล้ว คงค้างอีก ๒๓,๐๗๕ บาท
๓. จำเลยที่ ๒ ซื้อปูนซีเมนต์จากนางกิมฮวยชำระบ้างแล้ว คงค้างอีก ๗๗๘๕ บาท ๕๐ สตางค์
๔. จำเลยที่ ๒ ได้ซื้อเครื่องใช้ในการก่อสร้างต่าง ๆ จากนายมงคล ยังค้างอีก ๑๕,๗๘๐ บาท
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินที่ค้างพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๒ รับว่าฟ้องของโจทก์เป็นความ+อาสาสงครรมจำกัดโดยนายโชติ คุ้มพันธ์ กรรมการได้แต่งตั้งให้จำเลยที่ ๒ เป็นตัวแทนจัดการก่อสร้างและหาสัมภาระ จำเลยที่ ๒ ได้ซื้อของเชื่อและจ้างเหมาแรงงานเพื่อประโยชน์ในการก่อนสร้างและค้างชำระอยู่จริงทั้งนี้เพราะจำเลยที่ ๑ ส่งเงินให้ไม่พอ
จำเลยที่ ๑ ต่อสู้
ก. ไม่เคยซื้อของเชื่อ ไม่เคยจ้างแรงงานและมีหนี้สินกับโจทก์
ข. ตามข้อบังคับของบริษัทจะต้องมีกรรมการลงนาม ๒ นาย และประทับตราบริษัทด้วย จึงจะผูกพันบริษัทได้ หนังสือแต่งตั้งจำเลยที่ ๒ เป็นตัวแทนหามีกรรมการ ๒ นายลงนามและประทับตราไม่ ลงชื่อนายโชติกรรมการจัดการผู้เดียว เป็นการไม่ชอบไม่ผูกพันจำเลยที่ ๑
ค. ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
ง. ต่อสู้อย่างอื่นอีกหลายประการ
วันชี้สองสถาน จำเลยที่ ๑ รับว่านายโชติกรรมการบริษัทอาสาสงครามจำกัด ได้ออกหนังสือแต่งตั้งจำเลยที่ ๒ เป็นตัวแทนของบริษัทให้จัดการทุกสิ่งเกี่ยวแก่การสร้างตามสำเนาใบมอบอำนาจท้ายฟ้อง จำเลยที่ ๑ จดทะเบียนเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๔๙+ กรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อแทนบริษัทคือนายโชติร่วมกับหม่อมเจ้านิตยากรและต้องประทับตราของบริษัทด้วย ประกาศโฆษณาการรับจดทะเบียนในราชกิจจานุเบกษาวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๔๙๓
ศาลจังหวัดลำปางสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลย พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ใช้เงินที่ค้างตามจำนวนที่โจทก์ฟ้องให้แก่โจทก์ทุกสำนวน
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าข้อความในหนังสือแต่งตั้งจำเลยที่ ๑ มอบให้จำเลยที่ ๒ เป็นตัวแทนบริษัทจัดการทุกสิ่งเกี่ยวแก่การก่อสร้าง ไม่มีข้อความใดแสดงการจำกัดขอบเขตอำนาจของตัวแทนไว้ จึงเป็นการมอบอำนาจทั้วไปในทางจัดการแทนจำเลยที่ ๑ ได้ทุกอย่าง
ส่วนข้อที่จำเลยที่ ๑ ว่าข้อบังคับของบริษัทมีอยู่ว่าต้องมีหม่อมเจ้านิตยากรรมการลงชื่อร่วมกับนายโชติและต้องประทับตราของบริษัทในหนังสือจึงจะผูกพันนั้นเห็นว่าจำเลยที่ ๑ ยอมรับแล้วว่านายโชติลงชื่อในฐานะที่เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทอาสาสงครามจำกัด จำเลยที่ ๑ ภายหลังที่เจ้าพนักงานได้รับจดทะเบียนแล้ว และได้ความว่าจำเลยที่ ๒ ได้ตกลงกับโจทก์จ้างเหมาแรงงานและซื้อเครื่องอุปกรณ์การก่อสร้างจากโจทก์ก่อนวันประกาศโฆษณาในราชกิจจานุเบกษา โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกจึงถือเอาประโยชน์เพราะเหตุที่มีสัญญาต่อกันได้
ฟ้องของโจทก์บรรยายว่าจำเลยที่ ๒ ได้เริ่มติดต่อกับโจทก์เมื่อใดหนี้ทั้งหมดเท่าใด ใช้แล้วเท่าใดและคงค้างอยู่เท่าใดซึ่งจำเลยที่ ๒ ก็รับว่าถูกต้องตามฝัน ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
พิพากษายืน

Share