คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1308/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ขายฝากได้ทำสัญญาขายฝากที่ดินบ้านเรือนไว้แก่ผู้ซื้อ และได้ทำสัญญาเช่ากับผู้ซื้อไว้ด้วย ต่อมาผู้ขายขอไถ่ถอนภายในกำหนดสัญญาขายฝาก ผู้ซื้อไม่ยอมให้ไถ่ ผู้ขายฝากจึงฟ้องขอให้ศาลบังคับ ในที่สุดศาลบังคับให้ผู้ซื้อรับไถ่การขายฝากหลังจากนั้นต่อมาอีกผู้ขายฝากจึงได้ชำระ(วางเงิน) ค่าไถ่ถอนการขายฝากต่อศาล เช่นนี้ ผู้ขายฝากต้องรับผิดชำระค่าเช่าและค่าเสียหายตั้งแต่วันเริ่มต้นเช่าจนถึงวันที่ชำระ(วางเงิน) ค่าไถ่ถอนการขายฝาก(ไม่ใช่เพียงถึงวันที่ศาลพิพากษาให้รับไถ่ถอนการขายฝาก) เพราะระหว่างที่ยังไม่ได้ว่างเงินค่าไถ่ถอนการขายฝาก ยังต้องถือว่าที่ดินบ้านเรือนที่ขายฝากเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้รับซื้อฝากอยู่

ย่อยาว

เรื่อง ขับไล่
ได้ความว่าในคดีก่อนคือคดีแดง ๓๓๕/๒๔๙๕ ซึ่งนางสายใจ ณ ถลางเป็นโจทก์ฟ้อง ม.จ.รัตโนภาศกาญจนวิชัยเป็นจำเลย เป็นเรื่องขอไถ่ถอนการขายฝากที่ดินบ้านเรือนรายเดียวกันกับคดีนี้ ศาลในคดีนั้นได้วินิจฉัยว่าสัญญาขายฝากได้ทำขึ้นเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๔๙๓ ครบกำหนดการไถ่ถอนในวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๔๙๔ เมื่อได้ใช้สิทธิขอไถ่ในวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๔๙๔ ย่อมไถ่ได้จึงพิพากษาให้นางสายใจไถ่ที่ดินจาก ม.จ.รัตโนภาศ กาญจนวิชัยได้ ข้อเท็จจริงปรากฎในคดีที่กล่าวนั้นว่านางสายใจได้วางเงินต่อศาลในการขอไถ่การขายฝากเมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๔๙๘ และในคดีที่พิพาทกันใหม่นี้ได้ความว่า เมื่อทำสัญญาขายฝากกันนั้นแล้ว นางสายใจได้ทำสัญญาเช่าบ้านเรือน (ตึก) ที่อยู่ในที่ดินรายนี้ ค่าเช่าเดือนละ ๗๕๐ บาท
ข้อกฎหมายที่ขึ้นมาสู่ศาลฎีกามีว่า จำเลยต้องชำระค่าเช่าให้โจทก์เพียง วันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๔๙๔ ซึ่งเป็นวันที่ศาลพิพากษาให้ไถ่คืนได้หรือต้องชำระจนถึงวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๔๙๘ ซึ่งเป็นวันที่จำเลยชำระ(วางเงิน) ค่าไถ่ถอนการขายฝากต่อศาล
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลล่างทั้งสองว่า ให้นางสายใจจำเลยชำระค่าเช่าและค่าเสียหายเดือนละ ๗๕๐ บาท นับตั้งแต่วันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๔๙๓ ตลอดถึงวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๔๙๘ เป็นเงิน ๔๒,๘๕๐ บาทแก่โจทก์
โดยศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ก่อนที่นางสายใจวางเงินไถ่ถอนการขายฝากต่อศาล ยังถือไม่ได้ว่าได้มีการไถ่ถอนการขายฝาก ระหว่างที่ยังไม่ได้ไถ่ถอนการขายฝาก จึงยังต้องถือว่าที่ดินซึ่งนางสายใจจำเลยได้ขายฝากไว้แก่โจทก์ในคดีนี้ยังตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ตาม ป.พ.พ.มาตรา ๔๙๑ จนกว่าจะได้ไถ่ถอนตาม มาตรา ๔๙๒

Share