คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 305/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยพูดว่า “ทนายความเมืองร้อยเอ็ดคบไม่ได้เป็นนกสองหัว เหยียบเรือสองแคม เป็นมวยล้ม……” โดยจำเลยพูดในที่ประชุมใหญ่สมาชิกร้านสหกรณ์ประจำปีในฐานะเป็นกรรมการร้านสหกรณ์ ซึ่งจำเลยต้องแสดงถึงเหตุผลที่ไปจ้างทนายความจากกรุงเทพฯมาว่าความของร้านสหกรณ์ และพูดเพื่อป้องกันตนให้พ้นข้อหา การกระทำของจำเลยเป็นการกล่าวแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนผู้เป็นกรรมการร้านสหกรณ์นั้นตามคลองธรรม กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329 จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกล่าวต่อที่ชุมนุมชนโดยเครื่องกระจายเสียว่า “ทนายความเมืองร้อยเอ็ดคบไม่ได้ เป็นนกสองหัว เหยียบเรือสองแคม เป็นมวยล้ม ว่าความทีแรกดีได้รับเงินแล้วก็ว่าเป็นอย่างอื่น” โดยเจตนาหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์และทนายความทุกคนในจังหวัดร้อยเอ็ดให้เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖,๓๒๘
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลจังหวัดร้อยเอ็ดพิพากษาว่า จำเลยกล่าวถ้อยคำตามฟ้องเพื่อมุ่งถึงทนายความบางคนในกลุ่มทนายความจังหวัดร้อยเอ็ด มิได้กล่าวเจาะจงถึงโจทก์ผู้เดียว โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย และจำเลยกล่าวเพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรมเป็นการป้องกันตน จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยกล่าวข้อความที่ดจทก์ฟ้องหาว่าหมิ่นประมาทนั้นจำเลยได้กล่าวในฐานะเป็นกรรมการร้านสหกรณ์ จำเลยจำต้องแสดงถึงเหตุผลที่ต้องไปว่าจ้างทนายความจากกรุงเทพฯ เพื่อป้องกันตนให้พ้นข้อหา เมื่อจำเลยได้รับอนุญาตจากประธานที่ประชุมให้พูดแล้ว จำเลยจึงได้ชี้แจงโต้ตอบข้อซักถามของสมาชิกให้ทราบถึงเหตุผลที่ต้องปฏิบัติ เช่นนั้น การกระทำของจำเลยเป็นการกล่าวแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ตามตำแหน่งหน้าที่เพื่อป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนผู้เป็นกรรมการร้านสหกรณ์นั้นตามคลองธรรม เป็นการกล่าวอย่างตรงไปตรงมา ยังไม่พอจะฟังว่าจำเลยถือโอกาสเอาประโยชน์จากการโต้ตอบนี้ขึ้นบังหน้าเพื่อจงใจหมิ่นประมาทผู้หนึ่งผู้ใดโดยเฉพาะ กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๒๙ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท.
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์.

Share