คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7384/2562

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

รายงานกระบวนพิจารณาของศาลระบุว่า จำเลยเตรียมเงินมาชำระให้แก่ผู้เสียหาย ศาลจึงให้จำเลยส่งมอบเงิน 300,000 บาท ให้แก่ผู้เสียหายและมารดาผู้เสียหายตรวจรับไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จำเลยยกมือไหว้ขอโทษมารดาผู้เสียหายและผู้เสียหาย ไม่มีข้อตกลงโดยชัดแจ้งว่าผู้เสียหายไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลยในทางอาญา จึงไม่ใช่การยอมความ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมไม่ระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (2)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 276, 352 ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 60,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคแรก, 352 วรรคแรก เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานข่มขืนกระทำชำเรา จำคุก 4 ปี ฐานยักยอก จำคุก 1 ปี รวมจำคุก 5 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่า สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (2) หรือไม่ เห็นว่า เมื่อพิจารณาข้อความตามรายงานกระบวนพิจารณาดังกล่าวระบุว่า จำเลยเตรียมเงินมาชำระให้แก่ผู้เสียหายและมารดาผู้เสียหาย ศาลจึงให้จำเลยส่งมอบเงินจำนวน 300,000 บาท ให้แก่ผู้เสียหายและมารดาผู้เสียหายตรวจรับไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จำเลยได้ยกมือไหว้ขอโทษมารดาผู้เสียหายและผู้เสียหาย ไม่มีข้อตกลงโดยชัดแจ้งว่าผู้เสียหายไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลยในทางอาญา จึงมิใช่การยอมความตามกฎหมาย สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมไม่ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (2) ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการต่อมาว่า มีเหตุสมควรลงโทษจำเลยสถานเบาหรือรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยหรือไม่นั้น เห็นว่า ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคแรก ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วางโทษจำคุกจำเลย 4 ปี ก่อนลดโทษให้ตามกฎหมาย เป็นการวางโทษจำคุกขั้นต่ำสุดที่กฎหมายบัญญัติไว้สำหรับความผิดฐานนี้แล้ว ศาลฎีกาไม่อาจลงโทษจำเลยให้เบากว่านี้ได้ส่วนความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 นั้น ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วางโทษจำคุกจำเลย 1 ปี เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดี และยังลดโทษให้อีกกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จึงเป็นการลดขั้นสูงสุดตามกฎหมายแล้ว ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษจำคุกนั้น เห็นว่า การกระทำของจำเลยนอกจากจะเป็นการสร้างความเสื่อมเสียให้แก่ผู้เสียหายและครอบครัวของผู้เสียหายแล้ว ยังก่อให้เกิดผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม นอกจากนี้ยังได้ความตามรายงานการสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติซึ่งจำเลยไม่คัดค้านว่า หลังเกิดเหตุจำเลยได้ท้าทายผู้เสียหายให้เข้าแจ้งความและพูดจาโอ้อวดว่าไม่มีใครทำอะไรจำเลยได้ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความไม่สำนึกในสิ่งที่ทำ พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง แม้จำเลยจะได้ชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหาย 300,000 บาท ก็เป็นความรับผิดทางแพ่งที่จำเลยต้องรับผิดต่อผู้เสียหายอยู่แล้ว หรือจำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน หรือมีภาระต้องเลี้ยงดูบุคคลในครอบครัว หรือมีเหตุอื่นดังที่อ้างมาในฎีกา ก็ยังไม่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะรับฟังเพื่อรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
พิพากษายืน

Share