คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 483/2489

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าของทำยอมความในศาลให้เขาอาศัยในโรงเรือนและมีคำพิพากษาตามยอมแล้วต่อมาเจ้าของโอนโรงเรือนให้คนอื่นโดยเสน่หา แม้ผู้อาศัยยังมิได้จดทะเบียน ผู้รับโอนก็ฟ้องขับไล่ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า มารดาโจทก์ได้ยกที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้โจทก์ ต่อมาโจทก์ขายฉะเพาะที่ดินให้ผู้อื่นไป จึงจำเป็นต้องรื้อเรือน แต่เรือนหลังนี้มารดาโจทก์ให้จำเลยอาศัย จึงขอให้ขับไล่จำเลยออกจากเรือน
คู่ความรับกันว่า ที่รายนี้เป็นที่มีโฉนด มารดาโจทก์ทำยอมความกับจำเลยยอมให้จำเลยอาศัยในโรงเรือนรายพิพาทตลอดชีวิต ต่อมามีการโอนกันดังฟ้องของโจทก์ ฝ่ายจำเลยกล่าวว่า โจทก์กับมารดาสมยอมกัน
ศาลชั้นต้นงดสืบพะยานแล้ววินิจฉัยว่า สิทธิอาศัยของจำเลยมิไดจดทะเบียน จึงไม่สมบูรณ์ตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา ๑๒๔๔ และ พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดินฉะบับที่ ๒ พ.ศ.๒๔๕๙ จึงพิพากษาขับไล่
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตัดสินว่า สิทธิอาศัยที่จำเลยได้มาตามสัญญายอมความนั้น ไม่เรียกว่าเป็นการได้มาโดยนิติกรรมตามธรรมดา เป็นการได้มาโดยความในศาลและโดยมีคำพิพากษาตามยอม ศาลบังคับคดีตามยอมได้ซึ่งบัดนี้ยังอยู่ภายในกำหนดบังคับ โจทก์ได้รับโอนจากมารดาโดยเสน่หา จำเลยยักสิทธิ์อาศัยขึ้นต่อสู้ได้ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share