คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1792/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีก่อนศาลฎีกาวินิจฉัยไม่ตัดสิทธิที่จะให้โจทก์ว่ากล่าวเอาส่วนของตน หรือว่ากล่าวกันในทางมรดก โจทก์จึงมาฟ้องขอแบ่งทรัพย์มรดกจากจำเลยโดยบรรยายฟ้องท้าวความถึงคดีเดิมด้วยดังนี้ย่อมถือได้ว่าเป็นเรื่อง สืบเนื่องมาจากคดีก่อนฉะนั้นแม้คำบรรยายฟ้องจะขาดตกบกพร่องในรายละเอียดไปบ้าง เช่นไม่ได้กล่าวถึงวันเดือนปีที่เจ้ามรดกตาย ตนได้ปกครองทรัพย์มาอย่างไร เหล่านี้แต่เมื่อปรากฎว่าข้อความเหล่านี้มีชัดอยู่แล้วในสำนวนก่อนและในการพิจารณาคดีนี้จำเลยก็รับรองเวลาตายของเจ้ามรดกแล้ว ก็ย่อมถือวได้ว่าฟ้องของโจทก์ในคดีนี้สมบูรณ์แล้ว ไม่เป็นการฟ้องเคลือบคลุม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ฟ้องเรียกที่ดิน ๒ แปลงและโค ๒ ตัวจากจำเลยครั้งหนึ่งแล้ว ปรากฎตามคดีแพ่งแดงที่ ๒๐๓/๒๔๙๐ คดีถึงที่สุดชั้นศาลฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ทรัพย์ที่กล่าวเป็นมรดกตกได้แก่โจทก์และนางนิ่มภรรยาจำเลย ศาลฎีกาวินิจฉัยต่อไปว่า ไม่ตัดสิทธิที่จะให้โจทก์ว่ากล่าวเรียกเอาส่วนของตน หรือว่ากล่าวกันในทางมรดก จึงขอให้ศาลบังคับเอาที่ดิน ๒ แปลง โค ๒ ตัว มาประมูลกันหรือขายทอดตลาด แบ่งเงินให้โจทก์
จำเลยต่อสู้ และตัดฟ้องว่า ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม และขาดอายุความมรดกแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้แบ่งทรัพย์ให้โจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะแบ่งส่วน
จำเลยฎีกา
ศาลชั้นต้นรับเฉพาะฎีกาข้อ ๒-๓
ฎีกาข้อ ๒ ที่ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้เป็นเรื่องสืบเนื่องมาจากคดีแพ่งแดงที่ ๒๐๓/๒๔๙๐ ซึ่งปรากฎชัดว่านางนิ่มตายเมื่อใด ทั้งในการพิจารณาคดีนี้จำเลยก็รับรองเวลาตายของนางนิ่มแล้ว จึงไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ฎีกาข้อ ๓ ตามข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์จำเลยได้ปกครองมรดกนางนิ่มร่วมกันมา คดีจึงไม่ขาดอายุความ
จึงพิพากษายืน

Share