แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พ่อแม่ฝ่ายชายทำสัญญายกที่นา 10 ไร่โดยแบ่งออกจากนาแปลงใหญ่ + ให้เป็นของหมั้นแก่หญิงต่อมาหญิงชายได้แต่งงานอยู่กินด้วยกันที่บ้านชายไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน นาที่ยกให้ก็ยังไม่ได้มอบหมายให้กันอย่างแท้จริง ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่านา 10 ไร่นี้เป็นของหมั้นตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1436 หญิงจะฟ้องเรียกนา 10 ไร่นี้ในฐานเป็นของหมั้นไม่ได้ หากจะถือว่าเป็นสัญญาให้ที่มีการตอบแทน จุดประสงค์ของผู้ให้เพื่อให้คู่สมรสได้ใช้สรอยทำกินด้วยกันเป็นสำคัญ เมื่อหญิงกับชายไม่ได้สมรสกันโดยถูกต้องตาม ก.ม.แล้วและบัดนี้ยังแยกไม่ได้อยู่กินด้วยกันอีก ก็นับว่าไม่เป็นไปตามความประสงค์ของผู้ให้ จึงไม่มีเหตุที่หญิงจะเรียกร้องเอานานี้ได้ส
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑-๒ ได้สู่ขอโจทก์เพื่อเป็นคู่สมรสกับจำเลยที่ ๓ โดยจำเลยยกนาให้กับโจทก์เป็นของหมั้น เป็นเนื้อที่นา ๑๐ ไร่ ต่อมาโจทก์กับจำเลยที่ ๓ ได้แต่งงานกันตามประเพณี แล้วโจทก์ไปทำมาหากินที่บ้านจำเลย ได้ปกครองทำกินในที่นา ๑๐ ไร่ ของหมั้นนี้ตลอดมา บัดนี้จำเลยทั้งสามขับไล่โจทก์ โจทก์จึงขอให้จำเลยแบ่งแยกที่นา ๑๐ ไร่ ซึ่งเป็นของหมั้นของโจทก์ให้โจทก์
ศาลชั้นต้นฟังว่า สัญญาตามฟ้องเป็นสัญญาต่างตอบแทนไม่เป็นสัญญาจะให้ตามมาตรา ๕๒๕ หรือ ๕๒๖ โจทก์มีสิทธิฟ้องขอให้บังคับตามสัญญาได้ จึงพิพากษาให้จำเลยที่ ๑-๒ แบ่งแยกนาให้โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยที่ ๑-๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าแม้จะถือว่าสัญญาตามฟ้องเป็นสัญญาที่มีการตอบแทนกัน กรณีไม่เข้า ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๕๒๕ หรือ ๕๒๖ ก็ดี แต่เป็นสัญญาที่มีเงื่อนไขบังคับก่อน คือต้องมีการสมรสซึ่งหมายความว่าการสมรสโดยชอบด้วย ก.ม. เมื่อโจทก์กับจำเลยที่ ๓ มิได้จดทะเบียนสมรสกัน ถือว่ายังมิได้สมรสกันตาม ก.ม.โจทก์ยังไม่มีสิทธิเรียกร้องเอานาตามฟ้องได้ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ว่ายกให้ ๑๐ ไร่ก็ยังหาได้มอบหมายแบ่งแยกให้เป็นส่วนสัดอย่างใดไม่ การครอบครองก็ได้ความเพียงว่าเมื่อโจทก์ไปอยู่บ้านจำเลย โจทก์และจำเลยทั้งสามได้ทำนารายนี้รวมกันไปทั้งสามแปลง จึงยังถือไม่ได้ว่า นา ๑๐ ไร่รายนี้เป็นของหมั้นตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๑๔๓๖ เพราะยังไม่ได้มอบหมายให้กันอย่างแท้จริง ดังนั้นโจทก์จะฟ้องเรียกนา ๑๐ ไร่รายนี้ในฐานเป็นของหมั้นย่อมไม่ได้ และอีกประการหนึ่งหากแปลสัญญานี้ว่าเป็นสัญญายกให้ที่มีการตอบแทนดังศาลชั้นต้นกล่าวมา จุดประสงค์ของการให้ก็เพื่อให้คู่สมรสได้ใช้สรอยทำกินด้วยกันเป็นสำคัญ แต่โจทก์กับจำเลยที่ ๓ นอกจากว่าไม่ได้สมรสกันโดยถูกต้องตาม ก.ม.แล้ว บัดนี้ยังแตกแยกไม่ได้อยู่ด้วยกันอีกนับว่าไม่เป็นไปตามความประสงค์ของผู้ให้ จึงไม่มีเหตุที่โจทก์จะเรียกร้องเอาที่นาตามฟ้องได้ดุจกัน
จึงพิพากษายืน