คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1285/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2481 (ฉะบับที่ 3) มาตรา 8 แต่ พ.ร.บ.ฉะบับนี้มีเพียง 5 มาตรา และมาตรา 4 เท่านั้นเป็นบทลงโทษ ฉะนั้นจึงเป็นที่เห็นได้ว่า โจทก์คงจะขอให้ลงโทษตามมาตรา 4 แต่โจทก์อ้างผิดไป ตามมาตรา 192 วรรค 4 ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. ๒๔๗๗ มาตรา ๕,๑๒,๒๙(๔) กฎกระทรวงมหาดไทย ข้อ ๑๓(๑) ออกตามความใน พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. ๒๔๗๗ มาตรา ๗๐ พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉะบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๘๑ มาตรา ๘ จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์มิได้อ้างมาตราใน ก.ม.ซึ่งบัญญัติว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิด พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์เห็นว่าตามมาตราต่าง ๆ ที่โจทก์อ้างมาในคำขอท้ายฟ้องไม่ใช่บทลงโทษ บทลงโทษคือมาตรา ๔ แห่ง พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉะบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๘๑ แต่โจทก์มิได้อ้างมาตรานี้มาเป็นบทลงโทษ กลับอ้างมาตรา ๘ ที่ไม่มีใน พ.ร.บ.จึงเป็นที่เห็นได้ว่าเป็นเรื่องผิดหลง คือโจทก์ต้องการอ้างมาตรา ๔ แห่ง พ.ร.บ.จราจรทางบก ฉะบับที่ ๓ ไม่ใช่มาตรา ๘ บทกฎหมายฉะบับนี้มีเพียง ๕ มาตรา และโจทก์ไม่ได้ประสงค์อ้างมาตราอื่น นอกจากมาตรา ๔ ฉะนั้นโจทก์ขอให้ลงโทษคงเป็นมาตรา ๔ แต่โจทก์อ้างผิดไป ตามมาตรา ๑๙๒ วรรค ๔ แห่ง ป.ม.วิ.อาญา ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษได้ จึงพิพากษากลับให้ลงโทษจำเลยตาม มาตรา ๔ พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉะบับที่ ๓) พ.ศ . ๒๔๘๑ , ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๕๙ ให้ปรับ ๕๐ บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามฟ้องโจทก์สืบสมเข้ามาตรา ๑๙๒ วรรค ๔ แม้หากมาตราแห่งกฎหมายที่ขอให้ลงโทษจะผิดพลาดไป ก็ลงโทษได้
พิพากษายืน.

Share