แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานหลักทรัพย์และขอให้เพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบ โดยบรรยายฟ้องว่าจำเลยเคยต้องโทษฐานรับของโจรมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ละครั้งมีกำหนดจำคุกเกินกว่า 6 เดือน ดังปรากฏตามใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้อง พ้นโทษครั้งสุดท้ายมากระทำความผิดในคดีนี้อีกภายใน 5 ปีไม่เข็ดหลาบ ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 74
จำเลยให้การรับว่า เคยต้องโทษมาหลายครั้งตามใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้อง และพ้นโทษครั้งสุดท้ายมายังไม่เกิน 5 ปีจริงดังฟ้องโจทก์ ดังนี้เมื่อปรากฏว่า ตามใบแดงแจ้งโทษจำเลยเคยต้องโทษมา 5 ครั้งๆที่ 5 ต้องโทษฐานรับของโจรจำทุก 8 เดือนพ้นโทษมายังไม่เกิน 3 ปี ก็มากระทำผิดคดีนี้อีก ก็ต้องฟังว่าคำรับของจำเลยแปลความได้ว่ารับรวมทั้งพ้นโทษตามใบแดงแจ้งโทษด้วย จึงเพิ่มโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตารา 73 ได้
ย่อยาว
คดีนี้ ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยฐานหลักทรัพย์ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๙๕ ให้จำคุกคนละ ๒ ปี เพิ่มโทษตามมาตรา ๗๒ อีก ๑ ใน ๓ ฯลฯ โจทก์อุทธรณ์ขอให้เพิ่มโทษจำเลยที่ ๒ ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตาร ๗๓. ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน. โจทก์ฎีกาต่อมา ศาลฎีกาต่อมา ตามฟ้องข้อ ๓ โจทก์บรรยายว่า ก่อนคดีนี้จำเลยที่ ๒ เคยถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกฐานรับของโจร ๒ ครั้ง แต่ละครั้งมีกำหนดโทษจำคุกเกินกว่า ๖ เดือนดังปรากฏตามใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้อง พ้นโทษครั้งสุดท้ายแล้วกลับมากระทำผิดอีกภายใน ๕ ปี จึงขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษ
จำเลยที่ ๒ ให้การรับว่า เคยต้องโทษมาแล้วหลายครั้งตามใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้อง และพ้นโทษครั้งสุดท้ายมายังไม่เกิน ๕ ปี จริงดังฟ้องของโจทก์ในข้อ ๓
ปรากฏตามใบแดงแจ้งโทษว่า จำเลยที่ ๒ เคยต้องโทษมา ๕ ครั้งๆที่ ๕ โทษฐานรับของโจรจำคุก ๘ เดือน พ้นโทษมาเมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๒ ยังไม่เกิน ๓ ปี ก็มากระทำผิดในคดีนี้อีก จึงควรเพิ่มโทษจำเลยที่ ๒ ตามมาตรา ๗๓
จึงพิพากษาแก้ให้เพิ่มโทษจำเลยที่ ๒ ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๗๓