คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 265/2489

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำให้การจำเลยที่ถือว่าจำเลยไม่ได้ให้การรับสารภาพว่าได้กระทำผิดตามฟ้อง
การพิจารณาคำให้การจำเลยว่า จำเลยรับผิดตามฟ้องหรือไม่นั้น จะพิจารณาฉะเพาะคำให้การจำเลยบางตอนมาวินิจฉัยไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้รับอนุญาตให้มีการอาวุธปืนแก๊บเครื่องหมาย “อ.ร.๑/๑๔๘” บังอาจทำลายตราเครื่องหมาย “อ.ร.๑/๑๙๘” ซึ่งเจ้าพนักงานประทับไว้เป็นสำคัญที่ท้ายอาวุธปืนขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.๑๒๑
จำเลยให้การว่า ทำลายเครื่องหมายปืนจริงตามฟ้องแต่ขอแถลงว่า ได้ทำด้ามปืนใหม่ ด้ามเท่าหาย เครื่องหมายปืนที่ด้ามเก่าก็สูญไปด้วย
คู่ความไม่สืบพะยาน
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ความผิดตาม ม.๑๒๑ เป็นเรื่องทำลายตราที่เจ้าพนักงานประทับ แต่ข้อเท็จจริงที่โจทก์ฟ้องเป็นเรื่องจำเลยทำลายเครื่องหมายของทะเบียนซึ่งทำให้ไว้ที่ปืน หาใช่ทำลายตราของเจ้าพนักงานไม่ จำเลยไม่มีความผิด พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ตามคำให้การจำเลยดังกล่าวข้างต้นจำเลยไม่ได้รับสารภาพว่าได้กระทำผิดดังฟ้อง เมื่อโจทก์ไม่สืบพะยานก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ พิพากษายืนยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์จะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยนั้น ป.ม.วิธีพิจารณาความอาญา ม.๑๘๔ ได้บัญญัติว่า “ศาลอุทธรณ์จะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาแล้วจากพะยานหลักฐานในสำนวน” หลักฐานในสำนวนปรากฎชัดตามคำให้การจำเลยว่า ตามที่จำเลยให้การว่าทำลายเครื่องหมายปืน มีความหมายถึงจำเลยได้ทำด้ามปืนใหม่เพราะด้ามเก่าหาย เครื่องหมายปืนที่ด้ามเก่าก็หายไปด้วย จะพิจารณาฉะเพาะคำให้การจำเลยบางตอนมาวินิจฉัยไม่ชอย ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชอบ ยกฎีกาพิพากษายืน

Share