คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1431/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อปรากฎว่า จำเลยไม่ใช่เป็นผู้เช่าหรือผู้เช่าช่วงที่ดินของโจทก์ จำเลยเป็นเพียงผู้เช่าห้องของบุคคลอื่น ซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินที่พิพาทของโจทก์เท่านั้น จำเลยไม่มีทางอ้าง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ ขึ้นใช้ยันโจทก์ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ห้ามจำเลยและบริวารมิให้เข้ามาเกี่ยวข้องและออกจากที่ดินกับให้ใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า จำเลยเช่าห้องพิพาทจากนายฉุยเป็นที่อยู่อาศัยมา ๑๐ ปี ไม่เคยค้างค่าเช่าที่ดินโฉนดที่ ๑๖๑๑ เป็นของนายประชา ให้นายฉุยเช่าปลูกห้องพิพาท ให้จำเลยเช่าแบ่งเงินค่าเช่ากัน โจทก์เพิ่งซื้อเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๐ จากนายประชาเจ้าของเดิมร่วมกับผู้อื่น ส่วนโฉนดที่ ๒๑๒๘ เดิมเป็นของนายสนั่น ให้นายฉุยปลูกห้องให้จำเลยเช่าเช่นเดียวกัน โจทก์เพิ่งรับโอนจากนายสนั่น เพื่อประสงค์จะขับไล่จำเลยเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องแต่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ขับไล่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยหาใช่ผู้เช่าที่ดินของโจทก์ไม่ และจะว่าจำเลยเป็นเพียงผู้เช่าห้องไปจากนายฉุยเท่านั้น เมื่อจำเลยไม่ใช่เป็นผู้เช่าหรือผู้เช่าช่วงที่ดินจากโจทก์ หรือยิ่งเป็นเรื่องนายฉุยอาศัยปลูกด้วยแล้ว จำเลยไม่มีทางอ้าง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าขึ้นใช้ยันโจทก์ได้
พิพากษายืน

Share