คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1581/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่มารดาเอาที่ดินของบุตร ซึ่งยังเป็นผู้เยาว์ไปทำสัญญาจะขายแก่ผู้อื่นนั้นเป็นสัญญาซึ่งตายนัยแห่ง ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1546(1) เป็นที่เข้าใจกันอยู่ว่าจะผูกพันเด็กได้ก็ต่อเมื่อศาลได้อนุญาตให้ขายตามสัญญานั้นแล้ว
(อ้างฎีกาที่ 462/2488)

ย่อยาว

คดีได้ความว่าจำเลยเป็นมารดาของเด็กหญิงบุญจันทร์ ได้ทำสัญญาจะขายที่ดินมีโฉนดของเด็กหญิงบุญจันทร์ ซึ่งมีอายุ ๕ ขวบให้แก่โจทก์ แล้วจำเลยได้ยื่นคำร้องต่อศาลขออนุญาตขายแต่มีนางบุญธรรมพี่สาวของเด็กหญิงบุญจันทร์มาร้องคัดค้าน จำเลยจึงขอถอนคำร้องเสีย แล้วร้องขออนุญาตต่อศาลขายที่ดินนั้นแก่นางบุญธรรมต่อไป โดยได้ราคาสูงกว่าที่จะขายให้โจทก์เป็นเงินพันบาท ศาลอนุญาตให้ขายแก่นางบุญธรรมได้ โจทก์จึงมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยโอนขายที่ดินแก่โจทก์ตามสัญญา ถ้ามิสามารถจะขายให้โจทก์ก็ให้ใช้ค่าเสียหายและเบี้ยปรับเป็นเงิน ๕,๐๐๐ บาทแก่โจทก์
ศาลชั้นต้นเห็นว่าสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยเป็นโมฆะตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๑๕๔๖ จึงพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าสัญญจะขายอสังหาริมทรัพย์ของเด็กหญิงบุญจันทร์เป็นสัญญาซึ่งตายนัยแห่งมาตรา ๑๕๔๖(๑) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เป็นที่เข้าใจกันอยู่ว่าจะผูกพันเด็กหญิงบุญจันทร์ผู้เยาว์ได้ก็ต่อเมื่อศาลได้อนุญาตให้ขายตามสัญญานั้นแล้วและตาม แบบอย่างคำพิพากษาฎีกาที่ ๔๖๒/๒๔๘๘ เมื่อศาลยังไม่ได้อนุญาตให้ขาย เด็กหญิงบุญจันทร์จึงไม่ต้องรับผิดตามสัญญานั้นและทั้งโจทก์มิได้ฟ้องขอให้นางเล็กมารดาต้องรับผิดเป็นส่วนตัว ศาลจะพิพากษาให้นางเล็กรับผิดหาได้ไม่
จึงพิพากษายืน

Share